เคยเจอมั้ยครับ บางครั้งเราซื้อสินค้าออนไลน์จาก 3M หรือ Unilever แต่คนที่ติดต่อและส่งของมาที่เราเป็นอีกบริษัทที่มีชื่อว่า aCommerce หรือ ใช้ชื่อย่อว่า “ACOM” และกำลังจะเข้าตลาดหุ้นเร็วๆ นี้
ACOM เป็น Tech Stat Up ก่อตั้งปี 2013 นิยามตัวเองว่าเป็น E-Commerce Enabler คือ เป็นตัวกลางให้บริการแบบครบวงจรทั้งด้านกลยุทธ์ ทำร้านค้าออนไลน์ คลังสินค้า ระบบชำระเงิน จัดส่งสินค้า และวิเคราะห์ข้อมูล พูดง่ายๆ คือ ถ้าลูกค้าที่เป็นแบรนด์อยากขายของออนไลน์ แล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง หรือไม่อยากวุ่นวายเรื่องการจัดการสต๊อก การส่งของ การดูแลลูกค้า ACOM ก็จะรับดูแลให้ทั้งหมด
ACOM ดำเนินกิจการ 5 ประเทศ คือ ไทย (ใหญ่สุด) อินโด ฟิลิปปินส์ (โตเร็ว) สิงคโปร์ มาเลเซีย และกำลังจะเข้าไปที่เวียดนาม โดยรวมทั้งหมด ACOM เป็น #1 ใน South East Asia ส่วนแบ่งการตลาด 16.5% มากกว่าเบอร์ 2 กับ 3 รวมกัน และผู้เล่น 5 อันดับแรกมีส่วนแบ่งกินไปแล้ว 40% ของตลาด
ACOM มีลูกค้า 171 แบรนด์ เช่น 3M, Unilever, Reckitt, นารายา, Quick Silver มีคำสั่งซื้อ 8.15 ล้านรายการต่อปี สัดส่วนรายได้ 35% มาจากสินค้าอุปโภคบริโภค 30% อิเล็กทรอนิกส์ 15% แฟชั่น มาดูรายได้ กำไรกันคร่าวๆ ครับ
ปี 2562 ยอดขาย 4,475 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 782 ล้านบาท
ปี 2563 ยอดขาย 7,200 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 458 ล้านบาท
ปี 2564 ยอดขาย 8,942 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 564 ล้านบาท
Q1 ปี 2564 ยอดขาย 1,853 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 215 ล้านบาท
Q1 ปี 2565 ยอดขาย 2,587 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 116 ล้านบาท
ถ้ามาดูมาร์จิ้นประกอบจะเห็นภาพชัดขึ้น
ปี 2562 GPM 6.3% NPM -17%
ปี 2563 GPM 7.5% NPM -6.4%
ปี 2564 GPM 7.3% NPM -6.3%
Q1 ปี 2564 GPM 7.1% NPM -11.6%
Q1 ปี 2565 GPM 6.1% NPM -4.5%
ข้อสังเกตที่เห็นมี 3 ข้อ คือ
1. ยอดขายดี แนวโน้มเติบโตดีตามเทรนด์ E-Commerce และน่าจะโตแบบ double digit
2. GPM ไม่สูง 6-7% เป็นเพราะ business model ที่อยู่ตรงกลางจัดการบริหารให้กับแบรนด์ ไม่ได้เป็นคนผลิต และขึ้นอยู่กับ product mix ด้วย อย่างปีนี้ขายสินค้า electronics เยอะ มาร์จิ้นบางอย่างต่ำกว่าสินค้าของกินของใช้
3. บรรทัดสุดท้ายขาดทุนอยู่ แต่ถ้าขยายสเกลได้ไว จนเกิด economy of scale ได้ ก็มีโอกาสกำไรได้ในอนาคต
สุดท้ายประเด็นที่น่าสนใจ คือ วัตถุประสงค์ในการเข้าตลาด คาดการณ์ว่าจะระดมทุน 3,300-4,300 ล้านบาท และจะเอาเงิน 2,300-3,000 ล้านบาท สำหรับการเข้าซื้อกิจการที่อาจมีขึ้นในอนาคต ก็คือ มีแผนทำ M&A เป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ อย่างเวียดนาม และมาเลเซีย
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น