ก่อนอื่น เราต้องขอแสดงความเสียใจที่จะบอกแก่นักลงทุนว่าเราได้ก้าวเข้าสู่ตลาดขาลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อดัชนีหลักของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 20% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 10 จาก 11 สัปดาห์ล่าสุด และยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะเจอจุดต่ำสุดอยู่ที่เท่าไหร่ กลุ่มหุ้นทั้ง 11 ตัวของเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดล่าสุด เช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ ที่หลุดระดับ 30000 จุดลงมา ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2021
สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันและเพิ่มความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและทั้งโลกกำลังก้าวเดินสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย และยิ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 0.50% หรือ 0.75% ไปอีกอย่างน้อยสักระยะหลังจากที่พึ่งปรับขึ้น 0.75% ไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางแรงกดดันเช่นนี้ ก็ยังมีหุ้นสามตัวที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญในสัปดาห์นี้
1. FedEx
บริษัทขนส่งด่วนขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเฟดเอ็กซ์ (NYSE:FDX) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณในไตรมาสที่ 4 ปี 20222 ในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เฟดเอ็กซ์จะสามารถทำกำไรได้ $24,490 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $6.87
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ เฟดเอ็กซ์มีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะเอาชนะใจเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้น ล่าสุดในเดือนนี้นาย Raj Subramaniam ผู้ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทได้ประกาศแผนพัฒนาบริษัทเพื่อสร้างคุณค่าการลงทุนให้กับนักลงทุนในระยะยาวด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับบริษัทจัดการการลงทุน D.E. และปรับขึ้นเงินปันผลรายไตรมาสมากกว่า 50% และปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท ซึ่งจะมีผลกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
ความเปลี่ยนแปลงที่ดูเป็นรูปธรรมนี้ทำให้หุ้นบริษัทปรับตัวขึ้น 14% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดขาลงตลอดทั้งปีของหุ้นลงมาเหลือ 11% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $229.90
2. Coinbase
คงจะยังไม่มีความหวังอะไรสำหรับหุ้นของบริษัทผู้เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอย่างคอยน์เบส (NASDAQ:COIN) หลังจากที่สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของวงการอย่างบิทคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า $20,000 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 และในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาบิทคอยน์ได้ลงมาสร้างจุดต่ำสุดที่ $18,330
เมื่อตลาดคริปโตฯ ร่วงหนัก ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ได้กำไรน้อยลง คอยน์เบสจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปลดพนักงาน 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อลดภาระต้นทุน อันที่จริง รายงานตัวเลขรายได้ของคอยน์เบสแบบปีงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ที่รายงานไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ เพื่อปริมาณการเทรดและจำนวนผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มลดลง
ความเสี่ยงจากขาลงในตลาดสกุลเงินดิจิทัลและกำไรที่ถูกกัดเซาะจากปัญหาเงินเฟ้อทำให้นักลงทุนบางคนกลัวว่าบริษัทอาจถึงขั้นล้มละลาย ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นคอยน์เบสปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 80% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $51.22
3. Pfizer
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิดผู้โด่งดัง “ไฟเซอร์” (NYSE:PFE) มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์นี้เนื่องจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิดกับเด็กทารกได้ ข่าวดีนี้อาจทำให้หุ้นของบริษัทคู่แข่งอย่าง “โมเดิร์นนา” (NASDAQ:MRNA) ปรับตัวขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (ACIP) มีมติเป็นเอกฉันท์ 12-0 เสียงในการโหวตให้สามารถใช้วัคซีนไฟเซอร์ 3 โดสกับเด็กที่มีอายุ 4-6 ปี ในขณะที่โมเดิร์นนาก็ได้รับเสียงโหวต 12-0 เสียงในการอนุญาตให้ใช้วัคซีนสองโดสกับเด็กอายุ 5-6 ปีด้วยเช่นกัน นี่คือคำกล่าวอย่างเป็นทางการจากผู้อำนวยการ CDC ของสหรัฐอเมริกา
ไฟเซอร์ยังคงภาพรวมแนวโน้มยอดขายวัคซีนและการรักษาโควิด-19 แบบปีต่อปีเอาไว้ในระดับเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว ไฟเซอร์กล่าวว่า บริษัทได้ทำสัญญากับลูกค้าในกลางเดือนเมษายนปี 2022 คิดเป็น มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำสัญญากับบริษัท Comirnaty ในวงเงินจำนวน 22 พันล้านดอลลาร์สำหรับยารักษาโควิด-19 ของบริษัท Paxlovid ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับที่เผยแพร่สู่สาธารณะชนไปเมื่อสามเดือนก่อน
อย่างไรก็ดี ด้วยสถานการณ์ตลาดลงทุนในปัจจุบัน ได้ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้วในปีนี้ 20% มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $46.53