รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นน่าซื้อท่ามกลางสภาวะเงินเฟ้อสูง และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 09/06/2565 10:41
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดมาเกือบตลอดทั้งปีคือเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจังของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อไล่จับเงินเฟ้อนั้นให้ทัน ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) กลายเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่คนให้ความสำคัญมากกว่าตัวเลขการจ้างงานเสียอีก และสำหรับตัวเลข CPI ของเดือนพฤษภาคม เราก็จะได้ทราบกันในวันพรุ่งนี้แล้ว

การประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าและเดือนถัดไป ตลาดลงทุนคาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เช่นครั้งล่าสุด แต่ถ้าหากตัวเลข CPI ในวันพรุ่งนี้ออกมามากกว่าที่คาดการณ์ ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในการประชุมของเฟดเดือนกรกฎาคมและกันยายนFed Rate Monitor Tool

อ้างอิง: Investing.com

แม้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะไม่มีใครอยากจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น แต่ก็ยังมีหุ้นที่เรามองว่าน่าสนใจและมีความโดดเด่นในแต่ละกลุ่มหุ้นของตัวเอง ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะปรับตัวกลับขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าเฟดจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ก็ตาม

1. Palo Alto Networks

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -5.3%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $5,250 ล้านเหรียญสหรัฐ

หุ้นตัวแรกที่เราอยากจะทำเสนอในบทความนี้เป็นหุ้นของบริษัท Palo Alto Networks (NASDAQ:PANW) เป็นบริษัทระดับแนวหน้าที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ Palo ให้บริการองค์กรมากกว่า 70,000 องค์กรใน 150 ประเทศ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือแพลตฟอร์มที่มี firewalls สุดล้ำ มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในแง่ของเครือข่ายภายในองค์กร และระบบคลาวด์ 

ตามความเห็นของเรา บริษัท Palo อยู่ในจุดที่พร้อมจะปรับตัวกลับขึ้นมาได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พิจารณาจากข้อมูลงานวิจับที่ระบุว่าปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้คนหันมาให้ความสำคัญและลงทุนกับระบบการรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์มากขึ้น ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้น PANW ปรับตัวลดลงมาแล้ว 5.3% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารนี้อยู่ที่ $527.00 ปรับตัวลดลงมา 18% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $640.90 ในวันที่ 20 เมษายนPANW Daily Chart

ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 แบบปีงบประมาณในวันที่ 19 พฤษภาคมสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้อย่างสบายๆ กำไรที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 49% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นเงิน $1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อพูดถึงอนาคต บริษัท Palo ได้เพิ่มตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี พวกเขาเชื่อว่าความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จะเป็นเหตุผลหลักให้ประสบความสำเร็จ

จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักวิเคราะห์ของ Investing.com 33 จาก 36 คนถึงยกให้หุ้น PANW เป็นหุ้นน่าซื้อ โดยสามคนที่เหลือนั้นให้หุ้นตัวนี้อยู่ในระดับ “กลาง” และไม่มีใครที่มองว่าสมควรขายเลยแม้แต่คนเดียว ในผลสำรวจนี้ยังบอกอีกว่าหุ้น PANW มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับราคาในปัจจุบัน 20.5% มีราคาเป้าหมายภายในกรอบเวลาอีก 12 เดือนที่ $635.25PANW Consensus Estimates

อ้างอิง: Investing.com

2. Phillips 66

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -5.3%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $5,250 ล้านเหรียญสหรัฐ

หุ้นตัวถัดมาเป็นหุ้นของบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกานาม (NYSE:PSX) ก่อนหน้านี้พวกเขาเปิดตัวเข้าสู่วงการในฐานะบริษัทผู้ผลิตน้ำมันอิสระ ConocoPhillips (NYSE:COP) ก่อนที่จะแยกตัวออกมายืนด้วยลำแข้งตัวเองอย่างเป็นทางการในปี 2012 

นอกจากการผลิตน้ำมัน พวกเขายังทำการแข่งขันในตลาดก๊าซธรรมชาติ LNG และการกลั่นด้วย นอกจากจะเป็นผู้ผลิต Phillips ยังเป็นผู้ค้นหา ขุด กลั่น ขนส่ง และส่งมอบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติด้วยตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของ PSX ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 52% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารนี้อยู่ที่ $109.92 สร้างจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2020

PSX Daily Chart

ด้วยผลงานขาขึ้นอันโดดเด่นในปีนี้ บริษัท Phillips 66 จึงได้ประกาศแฟนซื้อหุ้นคืน หลังจากที่ต้องระงับไปในช่วงเดือนมีนาคมปี 2020 เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้บริษัทยังได้เพิ่มการปันผลในแต่ละไตรมาสขึ้น 5% คิดเป็น $0.97 ต่อหุ้น เช่นนี้จึงสามารถคำนวณอัตราการปันผลต่อปีได้ว่าเป็น 3.53% หรือ $3.88 กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าลงทุนในปัจจุบัน

เมื่อเทียบอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้น (P/E) กับบริษัทคู่แข่งอย่าง Marathon Petroleum (NYSE:MPC) และ Valero Energy (NYSE:VLO) พวกเขามีค่า P/E อยู่ที่ 18.4 ซึ่งถือว่าถูกมากกว่าบริษัทคู่แข่งที่กล่าวถึง ความต้องการพลังงานในปัจจุบันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีส่วนกับการเติบโตของหุ้น PSX จนทำให้บริษัทมีกำไรและยอดขายเพียงพอที่จะมาใช้หนี้เมื่อสองปีก่อนคืนให้กับผู้ถือหุ้น

อ้างอิงข้อมูลจาก InvestingPro ที่คำนวณหุ้นน่าลงทุนมาจากค่า P/E และ P/S พบว่าค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นตัวนี้ที่ควรจะเป็นนั้นอยู่ที่ $126.30 มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับราคาปัจจุบันอีก 14.9%PSX Fair Value Estimates

อ้างอิง: InvestingPro+

3. Bank of America

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -18.3%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $292,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับหุ้นตัวสุดท้ายนี้คงไม่ต้องแนะนำชื่อเสียงเรียงนามกันมากก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว Bank of America (NYSE:BAC) หรือ “BofA” เป็นหนึ่งในสี่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา BofA ถือเป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพร่วมกับธนาคารชื่อดังอย่าง PMorgan Chase (NYSE:JPM), Wells Fargo (NYSE:WFC) และ Citigroup (NYSE:C)

เมื่อวัดจากบัญชีเงินฝากทั้งหมดของชาวอเมริกันพบว่า BofA กินส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 11% ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของ BofA ปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 18% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ $36.35 ถ้าคิดจากตัวเลขมูลค่าตามราคาตลาด ตัวเลข $292,700 ล้านเหรียญสหรัฐถือว่าใหญ่เป็นอับดับสองรองจากเจพีมอร์แกนBAC Daily Chart

แม้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ในมุมของธนาคาร ยิ่งเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีกำไรมากขึ้นเท่านั้น หุ้นกลุ่มธนาคารถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อ่อนไหวต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด ในไตรมาสที่ 1 มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเปิดเผยข้อมูลว่า ถ้ามีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 100 จุดเบสิส BofA จะมีกำไรภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า $5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

สิ่งที่ทำให้หุ้น BofA น่าสนใจน่าสนใจกว่าหุ้นธนาคารตัวอื่นเพราะมีอัตรา P/E ถูกที่สุด มีอัตราการปันผลรายปีอยู่ที่ 2.31% หรือคิดเป็น $0.84 ต่อหุ้น สูงกว่าอัตราผลตอบแทนโดยนัยของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1.41%BAC Consensus Estimates

อ้างอิง: Investing.com

ผลสำรวจจากนักวิเคราะห์ของ Investing.com 15 จาก 28 คนยกให้หุ้นของ BofA อยู่ในระดับ “โดดเด่น” ส่วนอีก 13 คนที่เหลือเลือกที่จะให้ถือครองเอาไว้ก่อน ระดับราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ $47.00 มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับราคาปัจจุบัน 30% ภายในระยะเวลาอีก 12 เดือนข้างหน้า เมื่อคำนวณจาก InvestingPro+ พบว่าหุ้นของ BofA มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 24% ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า และมีมูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นอยู่ที่ $45.09 BAC Fair Value Estimates

อ้างอิง: InvestingPro+

 

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย