ในตลาดลงทุนทุกวันนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเพื่อสร้างความสับสนนักลงทุน ความสับสนและความกังวลกลายเป็นสิ่งกดดันราคาหุ้นให้ปรับตัวลดลง ในขณะที่ตลาดเสี่ยงกำลังมุ่งหน้าลงสู่จุดต่ำสุดในรอบเกือบแปดปี ความเสี่ยงก็ได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ต้นปี 2020 ในวันที่เกิดโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม 2022 ถือเป็นช่วงเวลาที่ต่างจากเดือนมีนาคม 2020 อยู่พอสมควร เมื่อโลกต้องเผชิญกับศัตรูตัวใหม่
สงครามที่โหมกระหน่ำในยูเครนทำให้ปัญหาทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น นักลงทุนในตลาดจำนวนมากต่ายพากันล้มตาย พ่ายแพ้ในการลงทุนกับทรัพย์เสี่ยง แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือการเก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขานึกถึง ความบ้าคลั่งกับการเก็งกำไรในตลาดสกุลเงินดิจิทัลค่อยๆ หายไปหลังจากสกุลเงินดิจิทัลขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในวันที่ 10 พฤศจิกายน ในช่วงปลายเดือนมกราคมบิทคอยน์ อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมายร่วงลงสู่จุดต่ำสุด และยังคงกองรวมกันอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดในปัจจุบัน
ด้วยปัจจัยเชิงลบที่กำลังรุมเร้าโลกของเราในตอนนี้อย่างเช่นสงคราม, อัตราเงินเฟ้อ, ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย, ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน, การล็อคดาวน์ของจีน, ความตึงเครียดระหว่างพลังงานนิวเคลียร์ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย นี่อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพิจารณาเพิ่มการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกในตลาดสกุลเงินดิจิทัล Bitwise Crypto Industry Innovators ETF (NYSE:BITQ) เป็น ETF สภาพคล่องที่ปรับตัวขึ้นลงตามบิทคอยน์ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล แต่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับตลาดแห่งนี้เพียงพอ
ไม่มีสินทรัพย์ใดที่สามารถขึ้นหรือลงไปได้ตลอดกาล
ในช่วงที่ตลาดมีแต่ขาขึ้น ความคลั่งไคล้การเก็งกำไรเข้าครอบงำตลาดสกุลเงินดิจิทัล บิทคอยน์และอีเทอเรียมคือสินทรัพย์ที่นักลงทุนไว้วางใจฝากความหวังเอาไว้มากที่สุด ปฏิบัติกับสินทรัพย์ทั้งสองราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
อ้างอิง: Barchart
ในช่วงที่ตลาดมีแต่ขาขึ้น บิทคอยน์สามารถดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในตลาด ด้วยตำนานราวกับเรื่องราวของการเปลี่ยนเงิน 100 ดอลลาร์ในปี 2010 ให้กลายเป็นเงินนับล้านในปี 2021
อ้างอิง: Barchart
อีเทอเรียม สกุลเงินดิจิทัลอันดับสอง ได้อานิสงส์ปรับตัวขึ้นตามราคาบิทคอยน์ ถึงกระนั้นอีเทอเรียมก็มีตำนวนของตัวเองในฐานะสกุลเงินดิจิทัล ที่จะเป็นต้นแบบของโลกสกุลเงินดิจิทัลในอนาคตอย่างแท้จริง
แต่เมื่อวันเวลาแห่งความสุขหมดลง ความน่าดึงดูดใจ ความหอมหวาน ภาพฝันของบ้านสุดหรู ก็ระเหยไปอย่างรวดเร็ว ความเคลื่อนไหวของราคาที่ร่วงลงเร็วยิ่งกว่าน้ำตกทำให้เกิดการขาดทุนและทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหยุดชะงัก
สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์สำรอง ทุกคนเคยหวังว่าสกุลเงินดิจิทัลจะเอาเยี่ยงอย่างทองคำ ในการปรับตัวขึ้นเมื่อมีภาวะเงินเฟ้อ แต่ความเป็นจริงในตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น ข้อมูลตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ไม่ได้ช่วยให้บิทคอยน์ อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มากกว่า 19,470 สกุลปรับตัวขึ้นได้เลย กลับกลายเป้นว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ผลักดันให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั่วไปอื่นๆ พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002 แรงกดดันด้านเงินเฟ้อครั้งนี้ทำให้คนเลือกแล้วว่าสินทรัพย์คานความเสี่ยง ที่พวกเขายังคงเชื่อมั่นคือเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนั่นทำให้เงินดิจิตอลปรับตัวลดลง
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และทั่วโลกกำลังพุ่งสูงขึ้น GDP ของสหรัฐฯ ลดลงในไตรมาสแรกของปี 2022 จนติดลบ 1.4% การล็อกดาวน์จากโควิด-19 ในประเทศจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอันดับสองของโลก ภาวะถดถอยกลายเป็นความเสี่ยงสองในสี่ของ GDP ที่อาจจะลดลงในอนาคต นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อไปแล้วว่าเศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่ 2 จะประสบปัญหาเดียวกันกับไตรมาสที่ 1 ภาวะถดถอยเมื่อรวมพลังกับเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะต้องเจอก็คือภาวะซบเซา ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกในใช้นโยบายการเงินเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ สงครามในยูเครนและความตึงเครียดระหว่างจีน/รัสเซีย VS สหรัฐอเมริกา/ยุโรป ได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านอุปทาน การจัดหาวัตถุดิบและกิจกรรมทางธุรกิจกลายเป็นตัวต่อรองการซื้อขายระหว่างประเทศ แม้นโยบายการเงินจะมีประสิทธิภาพสูงเมื่อต้องรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ แต่ธนาคารกลางกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่อต้องจัดการกับปัญหาด้านอุปทาน
ขาลงในตลาดสกุลเงินดิจิทัลคือการเตือนว่าสภาพเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย ในขณะธนาคารกลางและรัฐบาลกลายเป็นผู้ยืนดูความย่อยยับของตลาดเสรี และออกมาประกาศว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมือง ที่พวกเขาเป็นคนก่อด้วยตัวเอง
เหตุผล 3 ประการว่าทำไมตลาดคริปโตฯ จะสามารถคืนชีพกลับมาได้
แม้ว่าการขึ้นลงของราคาในบางครั้งก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่ขึ้นลงตามเจตจำนงเสรีภาพ และกลไกทางเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าปัจจัยสามประการดังต่อไปนี้จะทำให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลเจอจุดต่ำสุด และฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
- ในเชิงอุดมคติแล้ว สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่เกิดจากเจตจำนงเสรีของฝ่ายเสรีนิยม ที่ปฏิเสธการควบคุมของรัฐบาล เมื่อศรัทธาและเครดิตของรัฐบาลลดลง สกุลเงินดิจิทัลอาจมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก
- นโยบายการเงินแบบตึงตัวในปัจจุบันกำลังเปิดพื้นที่เตรียมตัวรอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งต่อไป ซึ่งก็จะนำไปสู่ลูปการเพิ่มสภาพคล่องและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แน่นอนว่าสภาพคล่องที่สูงขึ้นไม่เคยเป็นข่าวดีของสกุลเงินเฟียต อย่างที่เราเห็นมาแล้วในปี 2020 สงครามในยุโรป ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบทั้งหมดจากการบิดเบือนอุปทานในระบบเศรษฐกิจ จะยิ่งทำให้ผู้คนตระหนักได้ และสกุลเงินดิจิทัลก็จะกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักมากขึ้น
- สกุลเงินดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการปฏิวัติเทคโนโลยีและฟินเทค การปรับปรุงความเร็ว การเพิ่มประสิทธิภาพของการบันทึกธุรกรรมทางการเงิน การยอมรับเทคโนโลยีบล็อคเชนอย่างแพร่หลาย และการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลถืปเป็นเพียงก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินเท่านั้น
ETF คือทางเลือกอื่นในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ต้องยอมรับความจริงกันอย่างหนึ่งว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลยังไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วๆ ไป ที่ไม่รู้อะไรเลยจะเข้าใจได้ง่าย ยิ่งการดูแล private key ที่มีตัวอักษรเฉพาะ หรือการมีกระเป๋าเงินดิจิทัลยิ่งไม่ต้องพูดถึง แล้วจะทำอย่างไรถ้าหากต้องการลงทุนในตลาดแห่งนี้ โดยที่ไม่เข้าไปแตะต้องตัวสกุลเงินดิจิทัล?
ทางแรกคือการลงทุนผ่านหุ้นบริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลคอยน์เบส (NASDAQ:COIN) นี่คือโอกาสเข้าเก็บหุ้นของตัวกลางการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลทางอ้อม โดยที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับความผันผวนที่มีในตลาดเลย
ทางเลือกที่สองคือการลงทุนผ่านกองทุน ETF ในบทความนี้เราขอแนะนำ Bitwise Crypto Industry Innovators ETF พวกเขาถือหุ้นของบริษัทที่ดำเนินกิจการเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด รายชื่อของหุ้นบริษัทที่อยู่ใน BITQ มีดังนี้
อ้างอิง: Barchart
ปัจจุบัน BITQ มีสินทรัพย์รวมทั้งหมด $59.443 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 17 พฤษภาคม ราคาซื้อขายกองทุน BITQ มีราคาอยู่ที่ $8.31 และมีค่าจัดการบริหารกองทุนอยู่ที่ 0.85% แน่นอนว่าเมื่ออ้างอิงราคากับตลาดคริปโตฯ ทิศทางการเคลื่อนที่ของกองทุน BITQ จึงไม่แตกต่างกัน
อ้างอิง: Barchart
ในเดือนพฤศจิกายน 2021 BITQ เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดถึง 35.68 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นวันเวลาเดียวกันกับที่บิทคอยน์และอีเทอเรียมขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาล ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า ETF เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ไม่แพง และสัญญาซื้อขายก็ไม่มีวันหมดอายุ ที่สำคัญ ราคาของ BITQ สามารถปรับตัวขึ้นได้ในวันที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกลับมาเป้นขาขึ้นอีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะเตือนเอาไว้คือ จงลงทุนเฉพาะเงินที่คุณสามารถยอมขาดทุนได้ อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเป็นสิ่งสวยงาม และที่ราคา $8.31 ต่อหุ้นถือเป็นตำแหน่งที่ดีหากคิดจะลงทุนกับ BITQ แต่มันจะไม่สวยงามเลยหากว่าคุณนำเงินหรือสินทรัพย์ทั้งหมดในชีวิตที่มีไปรับความเสี่ยงลงทุนในตลาดคริปโตฯ เพียงอย่างเดียว