รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ทองคำยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นในวันที่ดอลลาร์สหรัฐยังไม่ยอมอ่อนค่าลง

เผยแพร่ 19/05/2565 10:30
อัพเดท 02/09/2563 13:05

กรอบการวิ่งของราคาทองคำอาจขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก $50 เป็น $70 จากสถานการณ์ที่นักลงทุนเริ่มไม่เชื่อมั่นต่อราคาทองคำ ว่าจะเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อ และปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศรุมเร้าได้ ที่สำคัญ ดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นปรปักษ์กับราคาทองคำก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมลงจากจุดสูงสุดในรอบ 20 ปี 

จากจุดสูงสุดตลอดกาลเหนือ $2000 ที่เคยทำได้ในปี 2020 ตอนนี้ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า $1900 แม้จะมีความพยายามวิ่งกลับขึ้นไปแตะ $2000 ได้ในวันที่ 18 เมษายน แต่หลังจากนั้น ราคาทองคำก็กลับลงมาอีกครั้ง และตอนนี้ก็ได้ร่วงลงสร้างจุดต่ำสุดต่ำกว่า $1,786Gold Daily

อ้างอิง: skcharting.com

Christopher Vecchio นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ DailyFX ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ราคาทองคำในตอนนี้ว่า 

“ตามปกติแล้วราคาทองคำมักจะมีความผันผวนอยู่เสมอ แต่ด้วยสถานการณ์ที่โลกกำลังเจออยู่ในปัจจุบัน และการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการตลอดทั้งปี 2022 ทำให้นักลงทุนทั้งสองฝั่งไม่มีแรงจูงใจว่าจะเข้าไปเสี่ยงลงทุนในทองคำในวันที่ดอลลาร์เป็นใหญ่ทำไม ยิ่งเมื่อได้พิจารณาร่วมกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไม่มีโอกาสให้ทองคำสามารถปรับตัวขึ้นในระยะยาวได้เลยในช่วงนี้”

สิ่งที่คริสโตเฟอร์ต้องการจะสื่อก็คือทองคำไม่มีโอกาสชนะเลยในวันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันแน่นอนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในทุกครั้งที่มีการประชุมตลอดทั้งปี 2022 นี้ นั่นจึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าอยู่ในตอนนี้ และกลายเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยที่คนถือครองมากที่สุด ในขณะเดียวกัน กราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอีกสินทรัพย์ที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงมามาก ทิ้งทองคำที่อ่อนแรงอยู่แล้วให้ต่อสู้กับดอลลาร์เพียงลำพัง

หากพบเห็นขาขึ้นของราคาทองคำในช่วงนี้ ให้พิจารณาเอาไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็นการดีดตัวกลับขึ้นมาในระยะสั้นๆ เท่านั้น และสิ่งที่จะทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาได้ก็คือคำพูดจากคนในธนาคารกลางสหรัฐฯ และเรื่องที่จะทำให้ทองคำฟื้นตัว คือการพูดถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักวิเคราะห์จาก FXStreet ให้ความเห็นว่า

“เมื่อเฟดประกาศแผนใหญ่ของปีนี้เอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ความเคลื่อนไหวของประธานเฟดแต่ละสาขา หรือคณะกรรมการนโยบายการเงินแต่ละคนจึงสำคัญมาก เพราะพวกเขามักจะคอยเอาข่าวจากภายในมาเปิดเผยให้กับสาธารณชนอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาพูดถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย สิ่งนี้คือความเสี่ยง ที่จะดันราคาทองคำให้ปรับตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทองคำยิ่งมีแต่จะถูกเทขายมากขึ้น”

Craig Erlam นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ OANDA มีความเห็นที่คล้ายกันกับนักวิเคราะห์จาก FXStreet 

“ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ที่ต้องเห็นทองคำร่วงลงในวันที่ระดับเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงที่สุดในรอบสี่สิบปี ความพยายามของเฟดทำให้ทองคำไม่มีความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์คานความเสี่ยง ตอนนี้ต่อให้นักลงทุนอยากหลีกเลี่ยงความเสี่ยง พวกเขาก็ยอมที่จะถือครองดอลลาร์สหรัฐมากกว่าทองคำ การปรับตัวลดลงต่ำกว่า $1,800 ได้จะยิ่งเปิดทางให้กับขาลง ได้ลงไปต่ำว่านี้อีก แม้ว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวรับบริเวณนี้จะทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี”

ภาพรวมตลาดทองคำรายสัปดาห์

Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ skcharting.com ให้ความเห็นต่อพฤติกรรมราคาทองคำในตอนนี้ว่า

“กราฟราคาทองคำรายสัปดาห์แสดงให้เห็นว่ากรอบการวิ่งของราคาทองคำอาจขยายออกจาก $50 เป็น $70 ได้ ผมอ้างอิงกรอบราคานี้จากจุดสูงสุดของราคาทองคำที่ $1,834.84 ในวันจันทร์ และจุดต่ำสุด $1,785.40 เมื่อวันศุกร์ ตอนนี้พฤติกรรมของราคาทองคำสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่านักลงทุนทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครสนใจที่จะลงทุนในทองคำ ทั้งสองฝ่ายต่างเฝ้ารอให้ราคาขึ้นยืนเหนือ หรือทะลุลงต่ำกว่าแนวรับแนวต้านสำคัญ”Gold Monthly

“นับตั้งแต่วิ่งลงมาจากจุดสูงสุดในวันที่ 18 เมษายนที่ $1,998” เขากล่าวต่อ “ราคาทองคำก็ได้ปรับตัวลดลงมาเป็นสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน ขาลงครั้งนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเมื่อราคาทองคำสามารถหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 สัปดาห์ที่ $1,848 และเส้นค่าเฉลี่ย EMA 100 สัปดาห์ที่ $1,840 ลงมาได้ และสัปดาห์นี้ ราคาทองคำก็ยังคงปรับตัวลดลงต่อ จนสามารถลงไปถึงระดับราคา $1,786 ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาที่ $1,836 ได้”

“การดีดตัวกลับขึ้นมาคราวนี้คือความพยายามระลอกหนึ่งของฝั่งขาขึ้น” เขากล่าวปิดท้าย “จากการวิเคราะห์ราคาทองคำสปอต จะเห็นว่าฝั่งขาขึ้นพยายามอย่างมากทที่จะดันให้ราคาทองคำสามารถขึ้นถึง $1,850 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กับขาขึ้นได้วิ่งต่อไปยัง $1,880 - $1,900 แต่ความน่ากลัวอยู่ตรงนี้ เพราะเทรนด์หลักยังคงเป็นเทรนด์ขาลง เมื่อไหร่ที่ฝั่งขายเห็นขาขึ้นเติบใหญ่ได้เพียงพอ พวกเขาจะเข้ามาซ้ำ และกดราคาทองคำให้มุ่งหน้าลงสู่ $1,800 - $1,750 อีกครั้ง ช่วงนี้ฝั่งขาขึ้นอาจจะพอทำแต้มได้บ้าง เพราะจากอินดิเคเตอร์ Stochastic ของผมในกราฟรายสัปดาห์ บอกว่าราคาทองคำตอนนี้อยู่ในโซน oversold พร้อมที่จะปรับตัวขึ้นได้เสมอ”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย