สินค้าเทคโนโลยีที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่กำลังได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สินค้าและอุปกรณ์หลายๆ ชิ้นในปัจจุบันกำลังพยายามอย่างหนักในการประดิษฐ์คิดค้นอุปรณ์สวมใส่ให้เป็นได้มากกว่าเครื่องประดับ และไปได้ไกลกว่าเดิม แอปพลิเคชัน แกตเจ็ต หรือสิ่งต่างๆ ที่มือถือสามารถทำได้ ตอนนี้อุปกรณ์สวมใส่ก็สามารถทำได้ หรือซิงค์กับโทรศัพท์มือถือได้อย่างลื่นไหล และสะดวกสบาย ข้อมูลจาก Deloitte ระบุว่าภายในปี 2022 ผู้บริโภคสายดูแลสุขภาพ 320 ล้านคนทั่วโลกมีแนวโน้มจะซื้ออุปกรณ์สวมใส่ไฮเทคฯ เหล่านี้มาใช้มากขึ้น
ตัวเลขคาดการณ์นี้มีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 440 ล้านคนภายในปี 2024 อีกด้วย หากยังเติบโตเช่นนี้ต่อไป มีแนวโน้มว่าภายในปี 2028 มูลค่าของตลาดแห่งนี้จะมีสูงถึง $380,000 บ้านเหรียญสหรัฐ หากเทียบเป็นอัตราการเติบโตต่อไปแบบทวีคุณ (CARG) แล้วคิดเป็นการเติบโต 18.5% จากปี 2022 ถึงปี 2028
ด้วยกระแสการเติบโตที่มาแรงเช่นนี้ InvestingPro จึงได้คัดหุ้นระยะยาวของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวกับกับวงการเทคฯ ในรูปแบบนี้มาให้ หากพิจารณาตามมูลค่าบริษัทในตลาดแล้ว หุ้นที่ควรลงทุนได้แก่ Qualcomm (NASDAQ:QCOM) Skyworks Solutions (NASDAQ:SWKS) Dexcom (NASDAQ:DXCM) Garmin (NYSE:GRMN) และ Qorvo (NASDAQ:QRVO) หุ้นอีกสองตัวที่ไม่ควรพลาด และเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วได้แก่ Apple (NASDAQ:AAPL) และ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) บริษัทแม่ของกูเกิล (Google)
ในแง่ของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เทคฯ สำไหรับสวมใส่ ที่เติบโตเร็วที่สุดได้แก่ Knowles (NYSE:KN) Immersion (NASDAQ:IMMR) Flex (NASDAQ:FLEX); GoPro (NASDAQ:GPRO); Qorvo และ Kopin (NASDAQ:KOPN)
หุ้นของบริษัทที่คนมองข้ามมากที่สุดได้แก่ Skyworks Solutions, Qorvo, Logitech International (NASDAQ:LOGI) Garmin และ Kopin ในขณะเดียวกัน หุ้นของบริษัทที่มีอัตราส่วนการปันผลเติบโตสูงได้แก่ Garmin, Qualcomm, Skyworks Solutions, Logitech International, Universal Display, และ Jabil Circuit (NYSE:JBL)
หากนักลงทุนไม่ชอบในการลงทุนกับหุ้นทีละตัว การลงทุนในกองทุน ETF ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถพิจารณาได้ กองทุน ETF แต่ละตัวจะมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหุ้นที่เลือกเข้ามาอยู่ในกองทุน ถ้าพูดถึงกองทุน ETF ด้านเทคโนโลยีแล้ว กองทุนชื่อดังที่นักลงทุนคุ้นหูเป็นอย่างดีได้แก่
- Invesco QQQ Trust (NASDAQ:QQQ) ปัจจุบันถือครองหุ้นของบริษัท Alphabet, Apple, Dexcom, Qualcomm และ Skyworks Solutions ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุนได้ปรับตัวลดลงไป 23%
- Invesco S&P MidCap 400 Revenue ETF (NYSE:RWK) ปัจจุบันถือครองหุ้นบริษัท Jabil ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุนได้ปรับตัวลดลงไป 7.1%
- iShares Micro-Cap ETF (NYSE:IWC) ถือครองหุ้นของบริษัท Energous ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุนได้ปรับตัวลดลงไป 18.5%
- Procure Space ETF (NASDAQ:UFO) ถือครองหุ้นบริษัท Garmin ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุนได้ปรับตัวลดลงไป 18.4%
- ProShares Metaverse ETF (NYSE:VERS) ปัจจุบันถือครองหุ้นของบริษัท Immersion ตั้งแต่เดือนมีนาคมมาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุนได้ปรับตัวลดลงไป 17%
จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าปี 2022 นั้นไม่ใช่ปีสำหรับหุ้นเทคฯ หรือหุ้นสายเติบโตเลย หุ้นเทคฯ ได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาวสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนการลงทุนในตลาดหุ้นสูงขึ้น แต่หากคุณเป็นคนที่เชื่อในการเติบโตในระยะยาวของเทคโนโลยี และยังรู้สึกว่าข้อมูลตัวเลขที่เราให้ไปยังไม่ถูกใจมากพอ เรามีกองทุนตัวสุดท้ายมาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณา
Global X Internet Of Things ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $28.83
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $26.65 - $40.46
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.44%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.68% ต่อปี
กองทุนตัวนี้มีชื่อว่า Global X Internet of Things ETF (NASDAQ:SNSR) เป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจประเภท IoT หรือสิ่งของที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อุปกรณ์สวมใส่ เซ็นเซอร์ ระบบเครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต SNSR ล้วนแล้วแต่เข้าไปลงทุนทั้งสิ้น
SNSR เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016 อ้างอิงราคาจากดัชนี Global IoT Thematic Index มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ลงทุนเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วย สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน ฝรั่งเศส และออสเตรีย หากพิจารณาการถือครองหุ้นออกเป็นสัดส่วน จะพบว่า SNSR ลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมากที่สุด 63.1% ตามมาด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม 23.6% กลุ่มดูแลสุขภาพ 6.8% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 6.3% และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร 0.2%
ปัจจุบัน SNSR ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 47 แห่ง หุ้น 10 อันดับแรกคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์รวมทั้งหมด $327.22 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ STMicroelectronics (NYSE:STM) Advantech (TW:2395); Dexcom, Garmin, Sensata Technologies (NYSE:ST); Qualcomm และ Ambarella
สถานการณ์ของกองทุน SNSR แน่นอนว่าย่อมไม่ต่างจากหุ้นเทคฯ อื่นๆ ที่ต้องรับแรงกดดันขาลงในตอนนี้ SNSR ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 26.3% หากนับเฉพาะตลอดระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด SNSR ได้ปรับตัวลดลงมา 12.6% ล่าสุด SNSR พึ่งลงไปสร้างจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 17.39x และ 2.60x ตามลำดับ
ท่ามกลางกระแสความต้องการเทคโนโลยี IoT และค่า CARG ของวงการนี้ในช่วงระหว่างปี 2021-2027 มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นมากกว่า 6.5% นักลงทุนระยะยาว ที่มองข้ามความไม่แน่นอนระยะสั้นสามารถพิจารณาลงทุนในกองทุนตัวนี้ได้เลย