ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ล่าสุดถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ของหุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) ขาขึ้นมากกว่า 35% ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ช่วยชดเชยขาลงที่เกิดมาทั้งหมดตลอดปี 2022 และส่งบริษัทเทสลากลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่าล้านล้านเหรียญสหรัฐได้อีกครั้ง มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $1,077.01
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความผันผวนมากมาย เงินเฟ้อ สงคราม โรคระบาด ความเป็นไปได้ของสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าขาขึ้นของหุ้นเทสลาครั้งนี้จะสามารถขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน กลุ่มที่สนับสนุนขาขึ้นให้เหตุผลว่า กลยุทธ์บริหารจัดการการผลิตรถยนต์ของเทสลาถือว่าน่าสนใจ จริงอยู่ว่าปัญหาซัพพลายเชนคอขวดส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก แต่เทสลาเลือกจะบริหารจัดการชิพคอมพิวเตอร์ภายในรถ ที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยการจำกัดระดับการผลิตรถยนต์รุ่นโมเดล 3 และโมเดล Y เอาไว้
อีกหนึ่งปัจจัยหนุนที่จะเป็นตัวสนับสนุนการเติบโตของวงการรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวคือสงครามระหว่างรัสเซียยูเครน ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง และมีการคว่ำบาตรกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันไปมามากมาย น้ำมันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่รัสเซียใช้ต่อรองกับประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของปูติน ยิ่งน้ำมันมีราคาแพงมากเท่าไหร่ และยิ่งสภาวะนี้คงอยู่นานเท่าไหร่ ยิ่งผลักดันให้ผู้บริโภคหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งถือว่าเข้าทางบริษัทเทสลา
กำไร & รายได้ที่สร้างตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยรายงานรายได้และกำไรเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สี่ เทสลาเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว ที่ทำกำไรให้กับนักลงทุนที่เลือกหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในวันที่เศรษฐกิจผันผวน ตามมาด้วยบริษัท Rivian Automotive (NASDAQ:RIVN) และ Lucid (NASDAQ:LCID) สองสตาร์ทอัพที่พยายามจะทำกำไรให้ได้อย่างเดียวกับเทสลา พวกเขาส่งมอบรถยนต์รวมกันในปีที่แล้วได้ประมาณ 1,000 คัน ในขณะเทียบกับเทสลาที่ขายรถยนต์ได้เกือบล้านคันภายในช่วงเวลาเดียวกัน
เครดิตสวิส (Credit Suisse) ตอกย้ำความสำเร็จของเทสลาในสัปดาห์นี้ว่าทำได้ดีกว่า แม้จะมีความท้าทายด้านซัพพลายเชน แต่เทสลาก็ยังสามารถรู้วิธีเพิ่มยอดขายให้กับตัวเองได้ เครดิตสวิสเสริมว่าพวกเขามั่นใจตัวเลขการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสแรกของเทสลา อย่างไรก็ตาม ธนาคารชื่อดังตั้งข้อสังเกตว่า ความเสี่ยงที่เทสลามีตอนนี้คือผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ในจีน ซึ่งตอนนี้โรงงานผลิตการผลิตขนาดใหญ่ของเทสลาถูกระงับเนื่องจากการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ไปเรียบร้อย
นอกจากนี้ CEO คนเก่งอีลอน มัสก์ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการแตกพาร์หุ้นอีกครั้ง เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้นได้ง่ายขึ้น อ้างอิงตามกฎข้อบังคับ การเพิ่มจำนวนหุ้นสามัญจะช่วยให้สามารถแบ่งเงินปันผลได้ ถึงกระนั้นอัตราส่วนการแตกหุ้นยังไม่ชัดเจน การแตกหุ้นครั้งสุดท้ายของเทสลาเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2020 ช่วยผลักดันราคาหุ้นให้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 743% ในปีนั้น
แดนเนียล ไอฟ์ (Daniel Ives) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ Wedbush ซึ่งจัดอันดับคะแนนหุ้นเทสลาให้อยู่ในกลุ่ม “น่าซื้อ” พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายหุ้นขึ้นเป็น 1,400 ดอลลาร์ให้ความเห็นว่า
"เรามองว่าความเคลื่อนไหวของบริษัทเทสลาเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon, Google (NASDAQ:GOOGL), Apple (NASDAQ:AAPL) มาแล้ว การแตกหุ้นครั้งที่สองในรอบสองปีถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ซึ่งจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงบวกให้กับราคาหุ้นในอนาคต"
ความผันผวนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง
แม้จะมีปัจจัยบวกเหล่านี้สนัยสนุน นักลงทุนยังต้องพึ่งระลึกเอาไว้ว่าเทสลาเป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูง และเป็นการยากที่จะคาดการณ์การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของหุ้นได้อย่างแม่นยำ ยิ่งเทสลาครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้มากเท่าไหร่ หุ้นของบริษัทจะยิ่งมีการซื้อขายที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจากโมเดลวิเคราะห์ InvestingPro หุ้นเทสลามีค่า P/E ของกรอบการวิ่งในระยะเวลา 12 เดือนอยู่ที่ 205 ตัวเลขนี้ถือว่าสูงมาก และไม่เหลือพื้นที่ให้บริษัทเทสลาสามารถบริหารตัวเลขทางการเงินผิดพลาดได้เลย และเพราะหุ้นเทสลามีความผันผวนสูงโดยธรรมดา InvestingPro จึงแนะนำว่าหุ้นเทสลาเป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงสูง มูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นตอนนี้คือ $823.62 ต่ำกว่าระดับราคาปัจจุบัน 23.6%
อ้างอิง: InvestingPro
ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงแค่ไหน ทุกครั้งที่มีการย่อลงของหุ้นเทสลา ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นการย่อเพื่อเข้าซื้ออยู่ดี อดัม โจนาส (Adam Jonas) นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ให้ความเห็นว่า
“เราจะไม่บอกคุณว่าเทสลาเป็นบริษัทรถยนต์ หรือบริษัทเทคโนโลยี พวกเขาเป็นทั้งสองอย่าง และก็ยังเป็นบริษัทพลังงานอีกด้วย และสิ่งที่เราเห็นใน 2022 นี้เทสลากลายเป็นบริษัทผู้มอบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน เราเชื่อว่าบทบาทของเทสลาในการสร้างซัพพลายเชนพลังงานไฟฟ้าในอนาคตจะเปรียบเสมือนการกลายเป็นต้นน้ำ ผู้สร้างและมอบโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานไฟฟ้า (ปลายน้ำ) ในอนาคต”
โดยสรุปแล้ว
ปัจจัยพื้นฐานในตอนนี้กำลังกลายเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของบริษัทเทสลาในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ขาขึ้นระยะสั้นตอนนี้ถือว่าสายไปแล้วสำหรับผู้ที่กำลังสนใจลงทุน ควรรอให้ราคาหุ้นย่อลงมา ตามที่ InvestingPro แนะนำก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าในครั้งถัดไป