- บริษัทจะรายงานผลประกอบการปีงบประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ในวันนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $10,630 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $0.71
เมื่อต้องพิจารณาการเข้าซื้อหุ้นบริษัทผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ “ไนกี้” (NYSE:NKE) นักลงทุนถูกพลักให้มาอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจว่าควรซื้อหรือไม่ควรดี เพราะถึงแม้ว่ายอดขายของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน แต่ความเสียหายตรงนั้นก็ได้รับการชดเชยจากยอดขายและความสามารถจับจ่ายใช้สอยในทวีปอเมริกาเหนือ ถือเป็นการพิจารณาความเสี่ยงต่อผลกำไรที่ต้องใช้ความพิถีพิถันสูงพอสมควรเลยทีเดียว
ในรายงานผลประกอบการวันนี้ (ช่วงเช้าของวันอังคารตามเวลาประเทศไทย) ยอดขายตามแต่ละภูมิภาคจะเป็นตัวสะท้อนการเติบโตของบริษัท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีแนวโน้มว่าจะทรงตัวมากที่สุดช่วงหนึ่งของบริษัทไนกี้ นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอาจจะลดลงจาก $0.9 ในปีที่แล้ว ลดลงมาเป็น $0.71 จีนถือเป็นประเทศที่มียอดขายสินค้าในกี้สูงเป็นอันดับสองของโลก การระบาดของโควิด-19 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำให้ยอดขายลดลง 20% ในขณะที่ยอดขายจากอเมริกาเหนือสามารถเพิ่มขึ้นได้ 12% แม้จะพอชดเชยกันได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนทำให้ภาพรวมยอดขายของไนกี้ที่นั่นยังไม่ชัดเจน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างชนิดที่พาดหัวข่าวในจีนต้องหันมาให้ความสนใจ การระบาดระลอกนี้ทำให้หลายเมืองในจีนต้องล็อกดาวน์ไปแล้ว ความกังวลนี้ทำให้ความน่าสนใจของหุ้นไนกี้ในช่วงต้นปี 2022 ลดลง เช่นเดียวกับราคาหุ้นที่ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่า 21% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $131.24
แม้สภาพแวดล้อมจะไม่เป็นใจ แต่แนวโน้มขาขึ้นของหุ้นไนกี้กลับยังแข็งแกร่ง ความต้องการของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับความสำเร็จในการสร้างยอดขายจาก e-commerce ในช่วงสองปีล่าสุดทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นและคาดหวังการฟื้นตัวของหุ้นไนกี้ นักลงทุนระยะยาวยังเชื่อว่าหุ้นตัวนี้ยังสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้
แม้แต่ธนาคารหรือบริษัทด้านการลงทุนหลายแห่งก็ยังมีความเชื่อมั่นในหุ้นไนกี้ เครดิต สวิส เชื่อว่าหุ้นไนกี้จะสามารถสร้างขาขึ้นได้่อย่างแข็งแกร่ง พวกเขาให้เหตุผลเอาไว้ดังนี้
“เมื่อตัวเลขในปีงบประมาณ 2023 มีความเสี่ยงน้อยลง เราคิดว่าการประเมินมูลค่าเทียบกับกลุ่มหุ้นเดียวกันจะสามารถกลับมาเริ่มขยายตัวได้อีกครั้ง เราเชื่อว่าหุ้นไนกี้เป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุดในการเติบโตทดสอบความท้าทายมหภาคในปัจจุบัน”
เช่นเดียวกับ Baird ที่ให้ความเห็นว่า
“แม้ความเชื่อมั่นในหุ้น NKE ในปี 2022 จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่เราเชื่อว่าทั่วโลกตอนนี้สามารถปรับตัวเข้ากับโลกยุคเทคโนโลยี ที่เพียงนั่งอยู่บ้านก็สั่งของมาที่หน้าบ้านได้แล้ว ด้วยระบบ e-commerce ที่เปลี่ยนไปของบริษัท เราคาดว่า NKE จะสามารถให้ตัวเลขผลกำไรใน FQ3 จากตลาดออนไลน์ได้ดีกว่า และนั่นจะทำให้กลุ่มหุ้นนี้ค่อยๆ เติบโตกลับมาได้ในที่สุด”
นักวิเคราะห์จากหลายๆ สำนักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปัจจัยหลักขับเคลื่อนการเติบโตของหุ้นไนกี้ในระยะยาวคือการปรับตัวเข้าสู่โลก e-commerce ได้เร็ว พวกเขาสามารถสร้างบริการส่งสินค้าถึงมือลูกค้าโดยตรงได้ ไม่ใช่เพียงแค่ทำได้เท่านั้น แต่ยังทำได้อย่างดีด้วย ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สอง รายได้เฉพาะจากส่วนนี้เติบโตขึ้น 9% คิดเป็นเงิน $4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และคิดเป็น 40% ของยอดขายทั้งหมดในไตรมาสนั้น
อ้างอิง: Investing.com
นี่จึงเป็นสาเหตุที่นักวิเคราะห์ของ Investing.com 29 จาก 37 คนยังให้หุ้นไนกี้อยู่ในระดับ “โดดเด่น” มีระดับราคาเป้าหมายภายใน 12 เดือนอยู่ที่ $164.62 คิดเป็นการปรับตัวขึ้นจากระดับราคาปัจจุบันอีก 25%
โดยสรุปแล้ว
ซัพพลายเชนขาดแคลนที่มีน้อยกว่าระดับความต้องการจะยังคงเป็นปัญหาหลักให้กับการส่งมอบสินค้าไนกี้ไปยังมือลูกค้า เพราะฐานการผลิตหลักของไนกี้นั้นอยู่ในโซนเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ในความเห็นของเรา ปัญหานี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น เมื่อสถานการณ์กลับมาใกล้ความเป็นปกติ บริษัทไนกี้จะสามารถกลับมาได้เร็วกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะเป็นแบรนด์ที่ติดตามทั่วโลกอยู่แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นตัวเลขกำไร หรือมีรายได้ลดลง ให้พิจารณาว่านั่นคือจังหวะเข้าเพื่อการลงทุนในระยะยาวได้เลย