ครั้งสุดท้ายที่สงครามใหญ่ในยุโรป แบ่งโลกออกสองส่วนต้องมองย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1940 และครั้งล่าสุดที่เงินเฟ้อสามารถคุมตลาดได้หมดคือปี 1970 ในช่วงต้นปี 2022 หลังจากทศวรรษแห่งสันติภาพและอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมาอย่างยาวนาน ภัยทั้งสองก็ได้กลับมาทดสอบมนุษยชาติอีกครั้ง ซึ่งในปี 1940 และ 1970 ยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสกุลเงินดิจิทัล ที่สามารถช่วยให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมข้ามพรมแดน หรือแม้กระทั่งทางเลือกในการปฏเสธเงินเฟ้อได้
การระบาดของโควิดทั่วโลกทำให้รัฐบาลต่างๆ จำเป็นต้องมีโครงการเสริมสภาพคล่อง จากของธนาคารกลางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ปริมาณเงินมหาศาลและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดจุดชนวนให้เกิดเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิทางการเมืองก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบกันในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง พวกเขาตกลงกันด้วยการค้ามูลค่า 117 พันล้านดอลลาร์ แต่ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาจับมือกันในข้อตกลงความร่วมมือ "ไม่จำกัดเงื่อนไข" เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ยุโรป และพันธมิตรทั่วโลก
พันธมิตร "ไม่จำกัดเงื่อนไข" น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และอาจนำไปสู่การรวมประเทศระหว่างจีนและไต้หวัน พลังงานนิวเคลียร์ของโลกถูกแบ่งออกเป็นสองขั้วที่ตรงกันข้าม จีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ อยู่ฝ่ายหนึ่ง สหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และพันธมิตรของพวกเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง
รัสเซียถือว่ายูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียตะวันตก ในขณะที่สหรัฐฯ ยุโรป และพันธมิตรอื่นๆ รวมถึงยูเครน เชื่อว่ายูเครนเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง ในขณะเดียวกัน จีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรสนับสนุนการเป็นเอกราชของไต้หวัน
ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ควบคู่ไปกับการทำลายอำนาจซื้อของสกุลเงินเฟียต นักลงทุนจำนวนมากจึงมีแนวโน้มที่จะหันไปใช้สกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ระดับราคาของสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้ยังอยู่คงต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายน 2021
ตลาดคริปโตฯ ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง
ในวันที่ 16 มีนาคม สกุลเงินดิจิตอลแนวหน้ายังคงประสบปัญหาไม่สามารถหาจุดเปลี่ยนเทรนด์ให้กลายเป็นขึ้น จากรูปด้านล่างจะเห็นว่าทั้งบิทคอยน์และอีเธอเรียมต่างเคยสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ก่อนที่จะร่วงลงมาจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง: CQG
เช่นเดียวกับสัญญาบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ที่จะส่งมอบในเดือนมีนาคมได้ร่วงลงจาก 70,515 ดอลลาร์ ลงมาเป็น 33,160 ดอลลาร์ในวันที่ 24 มกราคม ล่าสุด ราคาซื้อขายบิทคอยน์มีระดับอยู่ที่ 40,875 ดอลลาร์ ยังคงวิ่งอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดล่าสุดมากกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล
อ้างอิง: CQG
สัญญาซื้อขายอีเธอเรียมฟิวเจอร์ส ที่จะส่งมอบในเดือนมีนาคมลดลงจาก $5,013.75 ลงมาเป็น $2,194.50 ในวันที่ 24 มกราคม ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ราคาอีเธอเรีนมฟิวเจอร์สยังคงวิ่งอยู่ที่ $2,774 ไม่เข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลเลยแม้แต่น้อย
ความจริงที่น่าเจ็บปวดของคนที่หวังจะได้เป็นเศรษฐีจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลคือมูลค่าตลาดโดยรวมของโลกคริปโตฯ ลดลงจาก 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เป็น 1.734 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2022
จริงๆ แล้วตอนนี้ตลาดคริปโตฯ เป็นขาขึ้นหรือลงกันแน่?
สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่มีความสุดโต่งเป็นอย่างมาก ในช่วงที่เป็นขาขึ้น ก็ขึ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รอใครหน้าไหนทั้งนั้น ในช่วงที่เป็นขาลงก็เรียกได้ว่าสามารถทำให้เศรษฐีกลายเป็นยาจกได้ในชั่วข้ามคืน แต่ไม่ว่าทิศทางของราคาและมูลค่าตลาดโดยรวมจะเป็นเช่นไร ในตอนนี้ ขาขึ้นที่แท้จริงของสกุลเงินดิจิทัลนั้นต้องวัดด้วยจำนวนสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆ ที่เข้าสู่ตลาด จำนวนเหรียญนั้นยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน และเร่งความเร็วที่ต่อเนื่องมานานกว่าทศวรรษ
ในวันที่ 15 มีนาคม สกุลเงินดิจิตอลมีจำนวนเหรียญทั้งหมด 18,234 สกุลเงิน ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าวันที่ 14 มีนาคม และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นต่อเนื่องในวันที่ 18 มีนาคม จากการเก็บข้อมูลเชิงสถิติของจำนวนเหรียญดิจิทัลทั้งหมดบนเว็บไซต์ CoinMarketCap มาตั้งแต่ปี 2019 อัตราการเติบโตนั้นถือว่าน่าประทับใจเป็นอย่างมาก
- ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2019 มีสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด 2,136 เหรียญ
- ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2020 มีสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด 5,285 เหรียญ เพิ่มขึ้น 147.4% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2019
- ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2021 มีสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด 9,045 เหรียญเพิ่มขึ้น 71.1% จากช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2020
- ณ ก่อนสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2022 มีสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด 18,234 เหรียญ เพิ่มขึ้น 101.5% มากกว่าช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2021
จากข้อมูลตรงนี้จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะในยามทุกข์หรือยามสุข จำนวนสกุลเงินดิจิทัลมีแต่จะเติบโตขึ้นทุกวัน มีเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นและเข้าสู่ตลาดทุกวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ยังมีคนลงทุนในเหรียญเหล่านี้ และหวังว่ามันจะสามารถกลายเป็น “นิวบิทคอยน์” และ “นิวอีเธอเรียม” ได้ในอนาคต
โลกคริปโตฯ คือความจริงหรือหลอกลวง?
แต่ความสนใจในการเก็งกำไรได้ดึงดูดองค์กรและอาชญากรที่ชั่วร้ายเข้ามายังตลาดแห่งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คืออีกมุมหนึ่งของโลกสกุลเงินดิจิทัล บางบริษัทนำคริปโตใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ในลักษณะที่ทำให้นักต้มตุ๋นจำนวนมากสามารถหลบเลี่ยงการดำเนินคดีได้
วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังสร้างความท้าทายด้านความเป็นส่วนตัวอีกด้วย การแฮ็ก การหลอกลวง และอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีความรู้ในการดูแลสกุลเงินดิจิทัลในประเป๋าเงินของตัวเอง ดังนั้นการอยู่ภายใต้เรดาร์ของหน่วยงานกำกับดูแลและของรัฐบาลก็อาจจะเป้นทางออกที่สะดวกสบายมากกว่า
ผมเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลกำลังจะมีบทบาทสำคัญในฐานะสินทรัพย์ระดับโลก มิเช่นนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน คงไม่มีคำสั่งพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่า "นวัตกรรมสกุลเงินดิจิทัลจะต้องดำเนินควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม" คำสั่งดังกล่าวหมายถึงการที่ประธานาธิบดีของอเมริการับทราบถึงการเติบโตของสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลและเรียกร้องให้การพัฒนาต้องเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ดังนั้น ผมจึงยังคงยึดมั่นปฏิบัติตามกฎพื้นฐาน ที่ต้องพูดกับตัวเองเสมอในวันที่ลงทุนกับเงินดิจิทัลคืออย่าลงทุนมากกว่าจำนวนเงินที่ยินยอมจะขาดทุน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือความเสี่ยงเป็นคำเตือนที่คอยกระตุกให้เราพิจารณาความเป็นไปได้อย่างสม่ำเสมอ เปอร์เซ็นต์กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่พอๆ กับความเป็นไปได้ที่จะขาดทุนทั้งหมด