รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ พาลาเดียม อลูมิเนียม ข้าวสาลี ฯลฯ รัสเซียล้วนมีบทบาทกับสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ทั้งสิ้น ผลกระทบจากความขัดแย้งทางการทหารระหว่างรัสเซียยูเครน และการคว่ำบาตรรัสเซียจากโลกตะวันตก เป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลดลง สวนทางกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลว่าประเด็นความขัดแย้งนี้จะกลายเป็นสงครามใหญ่
แรงกดดันดังกล่าวทำให้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 12.5% ในขณะที่กองทุน ETF ที่ติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง Invesco DB Commodity Index Tracking Fund (NYSE:DBC) ปรับตัวขึ้น 35% มาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2013
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำหุ้นสามตัวที่เป็นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก หากนักลงทุนไม่สะดวกที่จะลงทุนกับสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง สามารถลงทุนทางอ้อมผ่านหุ้นทั้งสามตัวนี้ได้
1. The Mosaic Company
- ระดับ P/E: 14.2
- มูลค่าราคาตลาด: $21,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +48.1%
บริษัทแรกที่เราขอนำเสนอในบทความนี้คือ Mosaic Company (NYSE:MOS) เป็นผู้ผลิตปุ๋ยโปแตชและฟอสเฟตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตและจำหน่ายปุ๋ยชั้นนำของโลก มีการเติบโตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยการผสมผสานเทคนิคทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเฟื่องฟู และเพิ่มราคาสินค้าเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง
หุ้น MOS เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $64.71 เมื่อเดือนกันยายนปี 2011 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมา และมีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารนี้อยู่ที่ $58.19 ปัจจุบันหุ้น MOS มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 14.2 ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน มูลค่าหุ้น MOS เพิ่มขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 48.1% จากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
เพราะว่าประเทศรัสเซียเป็นผู้ผลิตปุ๋ยโปแตชและฟอสเฟตมากกว่า 50 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 13% ของการผลิตทั่วโลก นั่นจึงทำให้รัสเซียกลายเป็นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสองนี้เป็นอันดับที่สองของโลกรองจากแคนาดา ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียยูเครนที่มีตะวันตกเข้ามาร่วมทำให้รัสเซียมีคำเตือนออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอาจจะระงับการส่งออกปุ๋ยทั้งสองชนิดนี้
จากการวิเคราะห์ด้วย InvestingPro พบว่าหุ้น MOS มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 35% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ระดับราคาที่ควรจะเป็นที่ $78.77 ต่อหุ้น
อ้างอิง: InvestingPro
หุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจ: Nutrien (NYSE:NTR), Corteva (NYSE:CTVA), CF Industries (NYSE:CF)
2. Vale
- ระดับ P/E: 5.6
- มูลค่าราคาตลาด: $96,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +41.3%
หุ้นตัวถัดมาเป็นบริษัทผู้ผลิตนิกเกิลและแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก Vale (NYSE:VALE) บริษัทนี้ยังผลิตแมงกานีส ทองแดง บอกไซต์ โปแตช และโคบอลต์ ที่ใช้การวางทางรถไฟ และท่าเรือที่ใช้ในการขนส่งผลิตภัณฑ์
ราคาแร่โลหะที่ปรับตัวสูงขึ้น จากสภาวะเงินเฟ้อและไฟสงคราม ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นของ Vale เป็นหนึ่งในหุ้นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งหมด 41% สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบเจ็ดเดือนไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ $20.95 มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 5.6
หุ้นของ Vale ในปีนี้ได้อานิสงส์จากความต้องการแร่นิกเกิลเป็นอย่างมาก เพราะรัสเซียเป็นผู้ผลิตนิกเกิลหลัก คิดเป็น 10% ของการส่งออกทั่วโลก จึงทำให้ราคานิกเกิลล่วงหน้าทะยานขึ้นเหนือ $100,000 ได้เป็นครั้งแรก จนตลาดลอนดอนต้องระงับการลงทุนในตลาดนิกเกิลชั่วคราว เพราะราคาวิ่งขึ้นแรงเกินไป
นิกเกิลถูกใช้เป็นหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้างสำหรับเหล็กกล้าไร้สนิม การใช้นิกเกิลเป็นโลหะแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าจึงทำให้ความต้องการแร่ชนิดนี้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในฐานะผู้ผลิตนิกเกิลชั้นนำของโลก หุ้นของ Vale จึงอยู่ในจุดที่เหมาะสม ที่จะทำกำไรจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ พันธมิตรของ NATO และรัสเซีย
จากการวิเคราะห์ด้วย InvestingPro พบว่าหุ้น VALE มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 60% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ระดับราคาที่ควรจะเป็นที่ $31.72 ต่อหุ้น
อ้างอิง: InvestingPro
หุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจ: BHP Group (NYSE:BHP), Rio Tinto (NYSE:RIO), Teck Resources (NYSE:TECK)
3. Bunge
- ระดับ P/E: 8.1
- มูลค่าราคาตลาด: $15,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +13.9%
หุ้นตัวสุดท้ายที่เราจะแนะนำในบทความนี้มีชื่อว่า Bunge's (NYSE:BG) ที่มีธุรกิจหลักเป็นการซื้อ ขาย กักตุน ขนส่ง แปรรูปสินค้าทางการเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อีกรูปแบบหนึ่ง บริษัทแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินค้าอย่างเช่นข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง รวมทั้งเรพซีด คาโนลา และเมล็ดทานตะวัน เป็นอย่างมาก
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครนทำให้ราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ราคาข้าวสาลีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่ราคาข้าวโพดก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบหลายปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานทั่วโลกที่มากขึ้น การส่งออกข้าวสาลีทั่วโลกของรัสเซียและยูเครนรวมกันคิดเป็นเกือบ 29% และ 19% ของการส่งออกข้าวโพด
หุ้น Bunge ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 14% นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 8.1 ให้ผลตอบแทนได้มากกว่าดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ในช่วงเวลาเดียวกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการทำกำไรจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่สามารถหาความแน่นอนได้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้น BG พึ่งจะวิ่งขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2008 ก่อนที่จะลดระดับลงมาวิ่งอยู่ที่ $106.31 เมื่อวานนี้ จากการวิเคราะห์ด้วย InvestingPro พบว่าหุ้น BG มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 29% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ระดับราคาที่ควรจะเป็นที่ $137.10 ต่อหุ้น
อ้างอิง: InvestingPro
หุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจ: Archer-Daniels-Midland (NYSE:ADM), Adecoagro (NYSE:AGRO), CHS (NASDAQ:CHSCL)