ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก จนก่อให้เกิดสภาพคล่องจากธนาคารกลางและรัฐบาลล้นตลาด ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ตัวแรกที่สามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้ใหม่ การกระทำของรัฐบาลและธนาคารกลางในปี 2021 และ 2022 ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิต (CPI & PPI) เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสี่ทศวรรษ นำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อ ที่กัดกินความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของเงินที่มีอยู่ในมือของเรา ณ ปัจจุบัน
ในปี 2022 ทองแดง แพลเลเดียม ไม้แปรรูป และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ สามารถสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้เช่นกัน ทำให้ราคาสินค้าอื่นๆ ขยับขึ้นสู่ราคาสูงสุดในรอบหลายปี ในช่วงเวลาดังกล่าว ทองคำหลังจากที่สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปก่อนแล้ว ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวในปี 2021 มากมายมัก
ทองคำเป็นโลหะสีเหลืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความต้องการเครื่องประดับมีแนวโน้มที่จะทำให้มีความต้องการผลิตทองคำเพิ่มต่อปีเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางและรัฐบาลต่างก็เป็นเจ้าของโลหะมีค่าตัวนี้ และถือครองเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ สำหรับผู้ที่ต้องการถือครองทองคำทางอ้อม Newmont Goldcorp (NYSE:NEM) เป็นผู้ผลิตทองคำชั้นนำ และหุ้น NEM ก็มีความเคลื่อนไหวขึ้นลงตามราคาของทองคำ
ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนทองคำได้ผ่านช่วงเวลาการขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคม 2020 ที่ $2,063 ไปแล้ว และราคาก็ได้ปรับฐานมาตลอดในช่วงสิบแปดเดือนที่ผ่านมา หลังจากแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ราคาทองคำก็ปรับฐานสู่จุดต่ำสุดที่ 1,673.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนมีนาคม 2564 คิดเป็นการลดลง 18.9% หลังจากแตะจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2021 ราคายังคงทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
ที่มา: CQG
กราฟรายสัปดาห์รูปนี้เน้นการสร้างรูปแบบลิ่ม (Wedge) ที่เกิดจากการทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดต่ำลง ทำให้กรอบการซื้อขายในโกลด์ฟิวเจอร์สแคบลง มาตั้งแต่จุดสูงสุดในปี 2020 ณ ตอนนั้นทองคำซื้อขายในกรอบราคา $612.10 ดอลลาร์ และลดลงเหลือ $289.20 จนถึงปีนี้
โกลด์ฟิวเจอร์ส COMEX ที่ส่งมอบในวันที่ 21 ก.พ ทำจุดสูงสุดที่ 1,908.10 ดอลลาร์ ราคาขยับเหนือแนวต้านทางเทคนิคครั้งแรกที่จุดสูงสุด 1,879.50 ดอลลาร์ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 เป้าหมายต่อไปคือจุดสูงสุดที่ 1,916.20 ดอลลาร์ หากทำได้จริงจะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น อาจทำให้เกิดแรงซื้อทางเทคนิคมากมาย ประกอบกับหากว่าทองคำสามารถหลุดช่วงของการปรับฐานนี้ไปได้ ก็จะยิ่งเปิดทางให้ทองคำทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ขาขึ้นของทองคำเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองทศวรรษก่อน เมื่อธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ประมูลทองคำสำรองของสหราชอาณาจักรครึ่งหนึ่ง การขายผลักดันราคาให้ต่ำลง และทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่าแปดเท่า ของราคาที่จุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคม 2020
ที่มา: CQG
กราฟรายไตรมาสรูปนี้ชี้ให้เห็นถึงทองคำขาขึ้น ที่เริ่มขึ้นในปี 1999 แนวรับทางเทคนิคอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันมาก(1,161.40 ดอลลาร์) ระดับราคา 1,673.30 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2021 เป็นแนวรับระยะสั้น หากวัดจาก 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงสิ้นสัปดาห์ที่แล้ว ทองคำอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนสิงหาคม 2020 เพียง 163 ดอลลาร์เท่านั้น และอยู่ห่างจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมปี 2021 ประมาณ $226.70
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเปลี่ยนไปสนับสนุนทองคำมากขึ้น เช่นเดียวกับปัจจัยพื้นฐานในเรื่องของสถานการณ์ในยูเครน ที่อาจนำไปสู่สงคราม จากวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่มีสงครามในยุโรปมานานถึงสี่ศตวรรษ จนถึงตอนนี้ สถานการณ์ทางภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงตึงเครียด จีนยังคงเดินหน้าสู่การรวมชาติกับไต้หวัน ทำให้ภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นอันตรายในสองด้าน ในยุโรปและเอเชีย
ความเป็นไปได้ของไฟสงครามเกิดขึ้นพร้อมกันกับเงินเฟ้อ สังเกตได้จากดัชนี CPI ในเดือนมกราคมที่ 7.5% และถ้าไม่รวมอาหารและพลังงาน จะมีตัวเลขที่ 6.0% ทั้งสองตัวเลขถือว่าสูงที่สุดในรอบสี่สิบปีของอเมริกา ในขณะเดียวกัน PPI ก็มีตัวเลขออกมาอยู่ที่ 9.7% บอกเราว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังโหมกระหน่ำ ภาวะเศรษฐกิจอยู่ที่จุดสูงสุดในรอบกว่าสี่ทศวรรษ สภาพแวดล้อมในปัจจุบันอาจทำให้ทองคำพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไม่อีกกี่สัปดาห์หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนกับโลหะมีค่าโดยตรง สามารถหันไปลงทุนกับบริษัทผู้รับเหมาขุดเหมืองโลหะมีค่าดูได้ บริษัทเหล่านี้จะดึงโลหะออกจากเปลือกโลก และพวกเขาลงทุนจำนวนมากในโครงการทำเหมือง ทำให้เกิดผลดีต่อราคาทองคำ หุ้นเหมืองแร่ทองคำมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีกว่าโลหะมีค่าประเภทอื่นๆ
Newmont คือผู้นำในด้านการขุดทองคำ
Newmont เป็นบริษัทผู้ผลิตทองคำ ทองแดง เงิน สังกะสีและตะกั่วที่มีอยู่ในแร่ทองคำ Newmont เป็นเจ้าของเหมืองที่ผลิตในอเมริกาเหนือใต้ ออสเตรเลีย และแอฟริกา ประเทศจีนเป็นประเทศผู้ผลิตทองคำชั้นนำของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของการผลิตทั่วโลกทั้งหมดในปี 2020 ในอเมริกาเหนือ NEM ถือเป็นผู้นำ
ที่มา: The Visual Capitalist
กราฟรูปนี้ตอกย้ำถึงตำแหน่งของ NEM ในฐานะบริษัทขุดทองชั้นนำในอเมริกาเหนือ ปัจจุบัน NEM มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 53.96 พันล้านดอลลาร์ และซื้อขายเฉลี่ยในแต่ละวันมากกว่า 7.5 ล้านหุ้น มีระดับราคาปัจจุบันอยู่ที่ 67.67 ดอลลาร์ต่อหุ้น NEM จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 2.20 ดอลลาร์ คิดเป็นผลตอบแทน 3.25%
ที่มา Yahoo Finance
กราฟด้านบนนี้แสดงแนวโน้มรายได้และรายได้ที่เป็นบวกของ NEM และรูปด้านล่าง จะเห็นว่าหุ้น NEM สามารถยกจุดสูงสุดขึ้นได้สูงกว่าเดิมมาตลอดตั้งแต่ปี 1980
ที่มา: Barchart
จากกราฟ NEM มีแนวรับทางเทคนิคอยู่ที่จุดต่ำสุดที่ 52.60 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2021 และมีแนวต้านอยู่ที่ 75.31 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม 2021
ในปี 2020 ราคาทองคำล่วงหน้าของ COMEX ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 1,450.90 ในเดือนมีนาคม เป็นจุดสูงสุดที่ $2,063 ในเดือนสิงหาคม คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 42.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน หุ้นของ NEM ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 33.00 ดอลลาร์เป็น 72.22 ดอลลาร์หรือ 118.8% บริษัทผู้ผลิตทองคำชั้นนำมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า
หากทองคำกำลังมุ่งหน้าจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ การขุดทองคำของ NEM จะผลักดันให้ปริมาณการมีทองคำคงคลังเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เงินปันผลที่มากกว่า 3% นั้นน่าดึงดูด เพราะการถือครองทองคำตรงๆ นั้นถือเป็นการเสียโอกาส และไม่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุน แต่ถ้าถือหุ้นของเหมือง NEM จะสามารถให้ผลตอบแทน ไปพร้อมๆ กับขาขึ้นของราคาทองคำได้
เลเวอเรจ ผลตอบแทน และความเป็นไปได้ในการปรับตัวขึ้นของทองคำเป็นเหตุผลที่น่าสนใจ ในการพิจารณาเพิ่ม NEM เข้าสู่พอร์ตลงทุนของคุณ ในวันที่สภาพเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ไม่มีความแน่นอนใดๆ เลย