ภาพรวมของตลาดการเงินโลก เห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย อีกครั้ง หลังสถานการณ์ ยูเครน-รัสเซีย กลับมาสร้างความกังวลอีกครั้ง ส่วน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นบ้านเรา ก็น่าจะอยู่ในภาวะที่ถูกกดดัน แต่ ยังมีแรงพยุงจากเงินบาทที่แข็งค่าสะทัอนภาพเงินทุนยังไหลเข้า ขณะที่ โครงสร้างของตลาดหุ้นราว 1 ใน 3 มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ Commodity ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่า Downside ของตลาดหุ้นบ้านเรามีจำกัด สำหรับ Theme การลงทุนจะให้ความสำคัญกับ หุ้นที่คาดว่าฐานกำไรปี 2565 ปรับขึ้นมาสูงกว่าปี 2562 (ก่อน Covid-19)แต่ ราคาหุ้นยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิด Covid-19 มาก ซึ่งมีหลายบริษัท
คาด SET Index น่าจะผันผวนมีแนวรับที่บริเวณ 1695 – 1700 จุด ส่วนแนว ต้านอยู่ที่ 1718 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ไม่มีปรับเปลี่ยน แต่จะขยับจุด Stop profit ในหุ้นแต่ละตัวให้สูงขึ้น Top Pick เลือก BH, CPALL (BK:CPALL) และ SCC
ความกังวลรัสเซีย-ยูเครนยังมี ผลัก Flow ไหลไป Safe Haven
ASPS ประเมินว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET Index น่าจะย่ำฐานต่อไปในช่วง สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ. 2565 เนื่องจากความกังวลรัสเซีย-ยูเครนยังเป็นประเด็น สำคัญที่ Overhang ต่อตลาดการเงินของโลกและไทยอยู่ เพราะว่าสถานการณ์ล่าสุด ความตึงเครียดกลับมาเพิ่มขึ้น เช่น
รัสเซีย
o รัสเซียสั่งขับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการทูตของสถานเอกอัครราชทูต สหรัฐประจำกรุงมอสโก ออกจากประเทศ ส่งผลให้สหรัฐกำลัง พิจารณาดำเนินการตอบโต้
o รัสเซียทดสอบยิงขีปนาวุธเหนือเสียง และซ้อมรบกองกำลังนิวเคลียร์ ซึ่งนายวลาดิเมียร์ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ดูแลการซ้อมรบด้วย
• เบลารุส (ประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียและยูเครน)
o ประธานาธิปดีเบลารุสแถลงว่า เจ้าหน้าที่ทหารของรัสเซียอาจพักใน เบลารุสได้ตามต้องการ หลังเสร็จสิ้นการซ้อมรบ ในวันที่ 20 ก.พ. 2565 และในวันที่ 20 ก.พ. 2565 เบลารุสประกาศว่าการซ้อมรบ ร่วมกับรัสเซียจะดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม จากท่าทีของฝั่งยูเครน พบว่าสถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง หลัง ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า “ยูเครนจะไม่ตอบโต้ต่อการยั่วยุใดๆในภูมิภาคตะวันออก ของประเทศ” ทั้งนี้ จากความคืบหน้าประเด็นรัสเซีย-ยูเครนข้างต้น พัฒนาการในเชิง ลบมีน้ำหนักมากกว่าเชิงบวก ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นต่อ เช่น ราคา น้ำมันดิบพลิกกลับมาเพิ่มขึ้น 0.6% ยังทรงตัวเกินระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วน Fund Flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง (Risk Asset) ไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อีกครั้ง เช่นตลาดหุ้นโลกปรับลงราว 0.7%, Bond Yield สหรัฐ ทั้งระยะ สั้น-กลาง ปรับลง, ค่าเงิน Dollar Index แข็งค่า 0.25%
แม้การปรับลงของตลาดหุ้นโลกจากความกังวลรัสเซีย-ยูเครน อาจสร้างแรงกดดันต่อ ตลาดหุ้นไทยตามไปด้วย แต่ ASPS เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจำกัด เพราะ จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอีก 0.02% และนับตั้งแต่ต้นเดือน แข็งค่าถึง 3.5%mtd เชื่อว่า จะช่วยเสริมให้ Fund Flow ไหลเข้าไทยได้สะดวกขึ้น ช่วยจำกัด Downside ของ SET Index โดยในวันที่คาดกรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ในช่วง 1,695-1,718
ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นแตะ 3 หมื่นราย แต่ผู้เสียชีวิตเพิ่มน้อยกว่า โอกาสรัฐ Lockdown น้อยดีต่อ SET Index
ปัจจัยในประเทศประเด็นที่ยังต้องติดตาม คือ การระบาดของ COVID-19 ในไทย กลับมาน่ากังวล หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ21ก.พ. 2565 ที่ผ่านมาจากวิธี RT-PCR มีจำนวน 18,853 ราย ส่วนวิธี ATK มีจำนวน 15,010 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้ง 2 วิธี มี 33,863 ราย (เข้าสู่กรณี Worst case ที่กระทรวงสาธารสุขคาด แต่เป็นประเด็นที่ ตลาดรับรู้ก่อนหน้าแล้ว)
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับไม่ได้สูงตามไปด้วย กล่าวคือ เมื่อช่วงกลางปี 2564 เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 หมื่นราย/วัน พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีราว 200-250 ราย/วัน แต่ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อก็สูงขึ้นเกิน 1.5 หมื่นราย/วัน เช่นกัน แต่ผู้เสียชีวิตกลับมีไม่ถึง 50 ราย/วัน ภาวะดังกล่างส่งผลให้อัตรา เสียชีวิตจาก COVID-19 ลดลง โดยช่วงปี 2564 อัตราเสียชีวิตจาก COVID-19 มีราว 0.5-1.85% แต่นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา อัตราเสียชีวิตลดลงเหลือ 0.1-0.6% อัตราเสียชีวิตจาก COVID-19 ที่ลดลง ASPS ยังคงมุมมองเดิม คือ คาดว่าแรงกดดัน จาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทยจะมีจำกัด เพราะสถานการณ์ไม่นำไปสู่ การ Lockdown เหมือนปี 2564 ที่ผ่านมา หากท่าทีทิศทางรัฐบาลยังไม่มีการ Lockdown แบบเข้มงวด จะจำกัด Downside ที่เปิดต่อคาดการณ์ GDP Growth ไทย ปี 2565 ASPS คาด 3.5%yoy VS.Consensus คาดอยู่ในกรอบ 3-4%) และสะท้อน จากเช้านี้สภาพัฒนรายงาน GDP Growth งวด 4Q64 ออกมา ขยายตัว 1.8%qoq และ 1.9%yoy ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด ทำให้ GDP ทั้งปี 2564 ขยายตัว 1.6%yoy ( ASPS คาด 1%) (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม) โดยรวมถือเป็นปัจจัยหนุน Fund flow และเม็ดเงินลงทุนเข้าตลาดหุ้นไทย
รอสงครามคลี่คลาย แนะสะสมหุ้น Laggard กำไรยืนเหนือก่อนเกิด COVID-19 ตลาดหุ้นโลกยังอยู่ภายใต้ความผันผวน จากความกังวลการเกิดสงครามระหว่างยูเครน – รัสเซีย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถือว่าถูกผลกระทบจำกัดเมื่อเทียบกับประเทศในแถบ ยุโรป ทั้งพื้นที่อยู่ห่างรัสเซีย การนำเข้าส่งออกระดับต่ำ 0.4% และสัดส่วน นักท่องเที่ยวต่างประเทศ 3.7% ขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้คาดหวังว่า Fund Flow จากต่างชาติช่วยพยุงตลาดได้ต่อเนื่อง ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว อาจกดดันให้ตลาดหุ้นย่อตัวลงบ้าง ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการ ค้นหาหุ้นน่าซื้อสะสม และน่าจะเป็นเป้าหมายในอันดับต้นๆ ของนักลงทุนต่างชาติ เช่นกัน คือ “หุ้นที่ฐานกำไรอยู่เหนือก่อนเกิด COVID19 แต่ราคายัง Laggard ตลาดอยู่มาก” โดยผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1. เป็นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” มี Upside
2. มีกำไรปี 2565F อยู่สูงกว่ากำไรปี 2562 (ก่อนเกิด COVID-19)
3. ราคาหุ้นยัง Laggard ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่า SET ในช่วงเวลาเดียวกัน ได้ผลลัพธ์ 9 หุ้น ฐานกำไรเหนือก่อนเกิด COVID-19 แต่ราคายัง Laggard ตลาด
ส่วนวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ที่ 1695 – 1718 จุด กลยุทธ์ แนะนำหุ้นใหญ่เป้าหมาย Fund Flow เริ่มจาก SCC ราคา Laggard กำไรที่ทำได้ และ CPALL BH หุ้นเปิดเมืองขนาดใหญ่หลบความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เป็น Toppick ในวันน
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities