- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขรายได้: $33,340 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $3.85
ความน่าตื่นเต้นของรายงานผลประกอบการบริษัทเมต้า (NASDAQ:FB) เจ้าของแอปพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม ในครั้งนี้ไม่ได้มีอยู่เพียงการอัปเดตรายละเอียดแผนการสร้างเมต้าเวิร์สเท่านั้น แต่สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจคือผลกระทบที่บริษัทเมต้าได้รับ หลังจากบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัว จนส่งผลกระทบต่อกำไรจากการฝากโฆษณาบนเฟซบุ๊ก
ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด (ตุลาคม) บริษัทเมต้าได้ชี้แจงให้กับนักลงทุนทราบว่าอัตราการเติบโตของกำไรอาจจะชะลอตัวเพราะแอปเปิลได้เปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว และการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงเวลาที่กำไรจากการฝากโฆษณาลดลง เพราะบริษัทผู้ฝากโฆษณาได้รับผลกระทบจากภัยโรคระบาด หลังจากนั้นเป็นต้นมา พฤติกรรมหุ้นของเฟซบุ๊กทำได้เพียงขยับขึ้นลงไปมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% ในไตรมาสที่ 4 แต่ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงเดือนมกราคม หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงมาแล้วทั้งสิ้น 6.4% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $319
หากคุณเป็นผู้ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิลอยู่แล้ว เชื่อว่าคงจะได้เห็นข้อความถามขออนุญาตให้แอปฯ ที่เปิดใช้งานอยู่ สามารถนำเสนอสินค้า ที่ (แอปฯ คิดว่า) ตรงกับความต้องการของคุณ โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้งานของคุณได้ นโยบายดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2021 สร้างความท้าทายในการทำกำไรให้กับบริษัทเมต้า ที่ก่อนหน้านี้พึ่งพาการเติบโตจากการฝากโฆษณาเป็นหลักเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเมต้ามีข้อมูลของผู้ใช้งานลดลง ส่งผลต่อความแม่นยำในการยิงโฆษณาให้ตรงกับผู้บริโภคแต่ละบุคคลมากขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะบริษัทเมต้าเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนนโยบายผู้ใช้งานครั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม บริษัทสแน็ป (NYSE:SNAP) ได้ออกมาต่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ของแอปเปิลว่าอาจจะทำให้อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทในไตรมาสที่ 4 ลดลง และทำให้หุ้นสแน็ปร่วงลงมากกว่า 50% นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
ยังไม่หมดแค่นั้น บริษัทเมต้าและอีกหลายๆ บริษัทยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน ที่ทำให้บริษัทขนาดกลางและเล็กไม่สามารถหาหรือผลิตสินค้ามาทันความต้องการของผู้บริโภคที่กลับมาได้ ส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นจำเป็นต้องตัดงบสำหรับการฝากโฆษณาออก
ปัจจัยฉุดรั้งระยะสั้น ไม่ได้ส่งผลถึงการเติบโตในระยะยาว
ถึงจะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย แต่นักลงทุนก็ยังเห็นโอกาสการเติบโตของหุ้นเมต้าในระยะยาว ตราบใดที่แอปพลิเคชันชื่อดังต่างๆ ในมือของเมต้ายังสามารถเพิ่มยอดผู้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ 46 จาก 55 คนของ Investing.com ยังประเมินให้หุ้นเมต้าอยู่ในระดับ “โดดเด่น” มีระดับราคาเป้าหมายภายใน 12 เดือนอยู่ที่ $395.37 หากวัดจากระดับราคาหุ้นตอนนี้ เท่ากับว่ามีโอกาสที่หุ้นเมต้าจะขึ้นได้อีก 23.9%
ที่มา: Investing.com
ในตลอดสองปีที่ผ่านมา แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กยังได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ยังมีผู้คนหันเข้าหาโลกโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงออกจากเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว มาร์ค ซักเคอเบิร์ก CEO ของเฟซบุ๊กจึงได้ตัดสินใจทำการใหญ่ เปลี่ยนชื่อบริษัทจากเฟซบุ๊กเป็น “เมต้า แพลตฟอร์ม” และกระโดดเข้าสู่การสร้างโลกเสมือนหรือ “เมต้าเวิร์ส” ที่ซึ่งผู้คนสามารถใช้ชีชิวิตในโลกดิจิทัลได้อย่างเป็นทางการ
อีริค เชอริแดน นักวิเคราะห์จากธนาคารโกลด์แมน แซคส์วิเคราะห์ว่าหุ้นเมต้าจะกลายเป็นผู้ชนะในระยะยาว หากว่าพวกเขาสามารถสร้างโลกเสมือนได้ตามที่ตัวเองลั่นวาจาไว้ เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งสำคัญอีกครั้ง
“การเปลี่ยนชื่อจากเฟซบุ๊กเป็นเมต้ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนี่คือการประกาศให้โลกรู้ว่าบริษัทเมต้ามุ่งมั่นและเอาจริงกับการสร้างโลกเสมือนนี้ ครั้งหนึ่งเฟซบุ๊กเคยประสบความสำเร็จในการล้มแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น และก้าวขึ้นเป็นใหญ่ในยุคเว็บ 3.0 แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นการขยับตัวครั้งนี้จึงไม่อาจมองข้ามได้เด็ดขาด และการเปลี่ยนแปลงนี้ หากสำเร็จ นั่นคือการเติบโตของบริษัทในระยะยาวครั้งใหญ่”
จริงอยู่ว่าทุกวันนี้บริษัทเมต้ายังต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านกฎหมาย เกี่ยวกับรุกล้ำความเป็นส่วนตัว และความสามารถในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากลองย้อนไปดูกราฟย้อนหลัง จะพบว่าหุ้นเมต้ามักดีดตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งทุกครั้ง หลังจากผ่านมรสุมต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา
คำตอบสำหรับเหตุผลที่หุ้นเมต้ามักจะวิ่งในลักษณะนั้นง่ายมาก…เพราะทุกคนทราบดีว่าไม่มีวันที่จะหลุดไปจากการใช้งานเฟซบุ๊กได้ ด้วยจำนวนตัวเลขผู้ใช้งานทั่วโลกที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ข้อมูลล่าสุดจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ยอดผู้ใช้งานแพลตฟอร์มทุกอย่างของบริษัทเมต้ารวมแล้วมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,810 ล้านคนทั่วโลก
โดยสรุปแล้ว
รายงานผลประกอบการของบริษัทเมต้าในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทแอปเปิลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การย่อตัวลงมาของราคาหุ้นเมต้าควรพิจารณาว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อและถือเอาไว้ในระยะยาว