Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (24 ถึง 28 ม.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,670 จุด เราคาดว่า SET จะผันผวนลดลง ในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนการประชุม FOMC ของเฟด ที่มีกําหนดการประชุมระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค. เรายังคงมุมมองเดิม และให้น้ําหนัก กรณีฐาน (ดูเนื้อหาเพิ่มใน 3 Scenario ที่เราประเมินในบทวิเคราะห์ Daily Strategy) ซึ่งทําให้ เราคาดว่า SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว ในช่วงปลายสัปดาห์ หลังสะท้อนความกังวลและปัจจัย ลบไปมากก่อนหน้านี้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับลดลง 19.9 จุด (-1.19%) นอกจากนี้การ ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังต้องติดตามรายงาน GDP สหรัฐฯ ในช่วง 4Q64 โดย Market Consensus ประเมินว่าจะขยายตัว 5.7% ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังคงต้อง ติดตามสถานการณ์การเมือง กลยุทธ์การลงทุน เราให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Domestics play ที่ได้ ประโยชน์จากผลการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่ผ่อนคลายมาตรการควบคุม เรามองเป็นบวกต่อ ภาคการท่องเที่ยว ได้แก่ AOT (BK:AOT) AAV BA BAFS ERW MINT CENTEL และ SHR รวมไปถึงหุ้นที่ ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศที่กลับมาฟื้นตัว และราคาหุ้น Laggard ได้แก่ CPF CPALL (BK:CPALL) BEM BEC ONEE BJC KBANK_BBL LH SC และ ORI คาด SET ผันผวน แต่มีโอกาสฟื้นตัวหลังการประชุมเฟด คงประมาณการกรอบ SET สัปดาห์นี้ ไว้ที่ 1,630-1,670 จุด - สัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตาม การประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค. เรามองเป็น 3 กรณี (1) กรณีฐาน (Base Case) เราคาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่า เดิม แต่ต้องติดตามการส่งสัญญาณในการดําเนินโยบายการเงินของเฟด ในระยะต่อไป โดยเราคาดว่า เฟดจะปรับเพิ่ม 4 ครั้งในปี 2565 รวม 1.0% (4 ครั้ง ครั้งละ 0.25%) โดยจะเริ่มปรับครั้งแรกในการ ประชุม FOMC เดือน มี.ค. (15-16 มี.ค.) ขณะที่การใช้เครื่องมือทางการเงินในการปรับลดขนาด Balance sheet เราคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วสุดในช่วง 3Q65 หากเป็นไปตามที่เราคาด เราเชื่อว่า SET จะกลับมาฟื้นตัวระยะสั้น และกลับมาแกว่งตัวในกรอบ 1,650 จุด ถึง 1,670 จุด เราให้น้ําหนักกรณี ดังกล่าวมากสุด (2) การณ์แย่สุด หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว (Hawkish) มากกว่าที่คาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 รวมมากกว่า 1.0% หรือการเร่งปรับลดขนาด Balance sheet ในช่วง 6M65 จะทําให้ตลาดตอบรับเชิงลบ และมีโอกาส ที่ SET จะปรับลงทดสอบ 1,600 จุด ถึง 1,585 จุด ภายใน 1-2 สัปดาห์ และ (3) กรณีดีสุด ธนาคาร กลางสหรัฐฯ (Fed) จะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว (Hawkish) น้อยกว่าที่คาด SET จะมีโอกาส ปรับขึ้นทดสอบระดับ High เดิมที 1,680 จุด
กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออก 4Q64 และปี 2564 เติบโต และเกินดุลการค้ากว่า 3.57 พันล้านเหรียญ คาดปี 65 เติบโต 36-4% - กระทรวงพาณิชย์ฯ รายงานการส่งออกของไทย เดือน ธ.ค. 64 มีมูลค่า 24,930.3 ล้านเหรียญ สูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 24.29%YoY ขณะที่การนําเข้ามี มูลค่า 25,284.5 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 33.4%YoY ทําให้ยังมีผลขาดดุลการค้า 354.2 ล้านเหรียญ สั่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 64 ไทยมีมูลค่าส่งออกรวม 271,173.5 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 17.1%YoY ดีกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 4%YoY คิดเป็นมูลค่า (เงินบาท) รวม 8.54 ล้านล้านบาท และมี สถานะเกินดุลการค้า 3,573 ล้านเหรียญ ด้านปี 65 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายส่งออกขยายตัว 36-4% ด้วยมูลค่ารวม 2.3-2.8 แสนล้านเหรียญ โดยมีปัจจัยหนุนมาจาก การขยายตัวทางด้าน เศรษฐกิจ การนําเข้าที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้า ค่าเงินบาทที่เอื้อต่อภาพรวมการส่งออก โดยเราคาด ว่าค่าเงินบาทในปี 2565 จะอยู่ที่ 32.5-335 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยมี 4 ความเสี่ยง จํากัดการ เติบโตได้แก่ (1) เงินเฟ้อสูงในหลายประเทศ (2) ปัญหาขาดแคลนแรงงาน (3) ปัญหา Supply Chain disruption และ (4) สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมครอน บทวิเคราะห์พื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: TU Earnings Preview: TU (ซื้อ,ราคาเป้าหมาย 24 บาท) กําไรสุทธิ 4Q64 เติบโต YoY ยอดขายสูงขึ้น ในทุกผลิตภัณฑ์ - คาดกําไรสุทธิ 4Q64 เติบโต 19%YoY ตามยอดขายที่เติบโต ยอดขาย Frozen โตแข็งแกร่ง จากการฟื้นตัวของ FQod Service อัตรากําไรปรับตัวดีขึ้น แต่ SG&A/Sales ยังสูง จากค่าขนส่งที่สูง ส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่ม QoQ จาก Low Season ของ Red Lobster แนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,665 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค เราเลือก VRANDA AMATA และ EA
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities