สำหรับนักลงทุนหลายคนที่ต้องการออมเพื่อการเกษียณ ลำพังการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดในแต่ละวันนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอ รูปแบบการลงทุนที่มีประสิทธิภาพคือการซื้อหุ้นที่มีคุณภาพ ถือเอาไว้และรับรายได้เป็นเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
หากเป้าหมายของคุณคือการสร้างกระแสเงินสด ที่มั่นคงสำหรับการเกษียณอายุ การปรับฐานของตลาดรอบใหญ่อาจให้โอกาสในการซื้อหุ้นเกษียณอายุที่ดีในราคาถูกลง หุ้นเกษียณอายุที่ดีจะจ่ายเงินปันผลไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรก็ตาม การจ่ายเงินของบริษัทเหล่านี้จะสามารถทำได้แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตเช่น สงคราม โรคระบาด และฟองสบู่ของสินทรัพย์ ฯลฯ ในบทความนี้เรามีตัวเลือกอันดับต้นๆ ของหุ้นสามตัวที่ควรพิจารณาเพิ่มในพอร์ตการลงทุน หุ้นเหล่านี้จะยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงการปรับฐานครั้งสำคัญ
1. Procter & Gamble
ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีสถิติกันปันผลมาตลอด 65 ปีติดต่อกันไม่เคยขาด “พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล” (NYSE:PG) หรือ “พีแอนด์จี” คือตัวเลือกแรกที่เราอยากให้นักลงทุนระยะยาวได้พิจารณา สถิติที่ยากจะมีใครทำลายลงได้ แสดงให้เห็นถึงกระแสเงินสดที่บริษัทมี ผลิตภัณฑ์ของพีแอนด์จี ครอบคลุมแทบทุกอย่างที่เป็นของจำเป็นในชีวิตของพวกเราไม่ว่าจะเป็น ผ้าอ้อม น้ำยาซักผ้า กระดาษชำระ ฯลฯ
ตลอดระยะเวลาห้าปีล่าสุด มูลค่าของหุ้นพีแอนด์จีได้เติบโตขึ้นเกือบสองเท่า มีอัตราเติบโตของเงินปันผลที่แน่นอน ทำให้พีแอนด์จีคือตัวเลือกอันดับต้นๆ ในยามที่ไม่สามารถถามหาความแน่นอนทางเศรษฐกิจได้ หุ้นพีแอนด์จีมีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $158.66 มีอัตราผลตอบแทนต่อปี ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.14% และมีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.87
จริงอยู่ว่าตัวเลขนี้อาจจะไม่หวือหวาเท่ากับการปันผลที่ได้จากหุ้นกลุ่มเติบโต แต่ในยามที่วิกฤตสุขภาพกำลังเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสำคัญ หุ้นพีแอนด์จีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย และมั่นคงยิ่งกว่า ด้วยจุดแข็งของแบรนด์ ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ทำให้พีแอนด์จีเป็นเพียงไม่กี่บริษัทที่ยังต้องนั่งคำนวณรายได้ที่จะต้องจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในทุกๆ ไตรมาส และทุกปี
ตราบใดที่การระบาดยังไม่จบ พีแอนด์จีจะยังคงเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสมควรพิจารณาเอาไว้ติดพอร์ตเกษียณของทุกคน
2. Lowe’s
ร้านค้าปลีกสัญชาติอเมริกัน ผู้จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับปรับปรุงและตกแต่งบ้าน “โลว์” (NYSE:LOW) คืออีกหนึ่งหุ้นหลุมหลบภัยสำหรับพอร์ตเกษียณอายุที่เราอยากจะนำเสนอ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและถือหุ้นเอาไว้ในระยะยาวเป็นอย่างมาก
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นของโลว์สามารถทำผลงานเติบโตได้อย่างโดดเด่น หุ้นโลว์ได้รับอานิสงส์จากกระแสการทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงภัยโรคระบาด ทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องนำเงินมาลงทุนกับการต่อเติม และตกแต่งบ้าน ล่าสุดหุ้นโลว์มีราคาปิดอยู่ที่ $249.50 มีอัตราการเติบโตในปีที่แล้วมากกว่า 50%
นักวิเคราะห์เชื่อว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่ต่อไป ผู้คนได้เรียนรู้แล้วว่าการทำงานจากที่บ้านหรือที่ทำงานก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน บ้านจะกลายเป็นสถานที่ทำงานมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ตราบใดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หุ้นของโลว์ก็จะยังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมาก ตลอดห้าปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของปันผลโดยเฉลี่ยของหุ้นโลว์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17% มีเปอร์เซ็นต์การปันผลต่อปีอยู่ที่ 1.2% และมีตัวเลขการปันผลต่อหุ้นรายไตรมาสอยู่ที่ $0.8%
3. Enbridge
หุ้นตัวสุดท้ายที่เราจะแนะนำในบทความนี้อยู่ในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เหตุผลหลักๆ นั้นมีเพียงข้อเดียว เพราะสาธารณูปโภคคือสิ่งที่ผู้คนไม่สามารถขาดได้ ไม่ว่าจะในยามที่เศรษฐกิจดีหรือแย่ก็ตาม ตราบใดที่ผู้คนยังต้องจ่ายบิลให้กับระบบสาธารณูปโภคเหล่านี้ บริษัทก็จะยังมีกำไร มีกระแสเงินสดอยู่เรื่อยๆ
สำหรับหุ้นในกลุ่มนี้เราขอเสนอชื่อหุ้นของบริษัท “เอ็นบริดจ์” (NYSE:ENB) เป็นบริษัทผู้ขุด ผลิต และวางท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแคนาดาเข้ามาสู่สหรัฐอเมริกา 20% ของผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติล้วนต้องพึ่งพาบริษัทเอ็นบริดจ์ในฐานะยักษ์ใหญ่อันดับสามแห่งการวางระบบก๊าซธรรมชาติ
หุ้น ENB มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $41.34 ตลอด 27 ปีล่าสุด บริษัทมีการเพิ่มอัตราการปันผลรายปีขึ้นมาทีละ 10% จนล่าสุดมีตัวเลขอยู่ที่ 6.6% และมีตัวเลขการปันผลต่อหุ้นรายไตรมาสอยู่ที่ $0.6725 บริษัทเอ็นบริดจ์คาดการณ์ว่าจนกว่าจะถึงปี 2023 พวกเขาจะเพิ่มการจ่ายปันผลจากกระแสเงินสด (DCF) ให้ขึ้นมาอยู่ในระหว่าง 5-7% ซึ่งคิดเป็น 60-70% ของ DEF ของบริษัท ยิ่งเพิ่มเสภียรภาพและความยั่งยืนให้กับการปันผลมากยิ่งขึ้น