🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Nike, Micron Technology, General Mills

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 20/12/2564 16:31
NDX
-
US500
-
GIS
-
MU
-
NKE
-
SOX
-
VIX
-

การที่ตลาดลงทุนผ่อนแรงขาขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตลาดเริ่มปล่อยคำสั่งซื้อขายที่มีอยู่ในมือเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่แล้ว ดัชนีแนสแด็ก 100 ปรับตัวลดลงประมาณ 2.9% เช่นเดียวกับเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวลดลง 1.0% ตลอดทั้งสัปดาห์ 

ถือเป็นการกระทำที่เข้าใจได้ว่าทำไมนักลงทุนถึงจบการลงทุนในปี 2021 เร็วกว่าปกติ นอกจากปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ที่มีแต่จะลดเรื่อยๆ พวกเขายังไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงจากการะบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในยุโรปจะมีแต่แย่ลง บางประเทศต้องบอกลาการเฉลิมฉลองคริสต์มาสจนถึงช่วงปีใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ก็ยังมีรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่สามารถดูเป็นแนวทางวิเคราะห์ความเสียหายของโควิดที่มีต่อซัพพลายเชนได้ และนี่คือประเด็นที่บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปดูกัน

1. Nike

บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชื่อดัง “ไนกี้” (NYSE:NKE) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด (เช้าของวันอังคารตามเวลาประเทศไทย) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายงานผลประกอบการครั้งนี้ไนกี้จะสามารถทำกำไรได้ $11,250 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.63 NKE Weekly TTM

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวียดนามเมื่อไตรมาสที่ 3 ทำให้ยอดขายของไนกี้ลดลง ดังนั้น การคาดการณ์ยอดขายที่จะทำได้เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนจึงต้องถูกปรับลดลงมา เพราะพวกเขาเชื่อว่าการผลิตและขนส่งจะต้องล่าช้าอย่างแน่นอน

เมื่อช่วงต้นปี ไนกี้เคยคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรจะอยู่ที่ตัวเลขสองหลัก แต่การประกาศในเดือนกันยายนเท่ากับว่าการเติบโตอาจถูกลดลงมาเหลือเป็นตัวเลขเพียงหลักเดียวเท่านั้น ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อซัพพลายเชนของไนกี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อการผลิตล่าช้า การขนส่งก็ยิ่งต้องล่าช้าออกไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม หุ้นของไนกี้ในปีนี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% มีราคาปิดอยู่ที่ $161.36 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่สร้างเอาไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนเหนือ $177 เชื่อว่าการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตจะส่งผลกระทบต่อขาขึ้นของหุ้นไนกี้ในปี 2021 อย่างมีนัยสำคัญ

2. Micron Technology

บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ไมครอน เทคโนโลยี (NASDAQ:MU) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันและเวลาเดียวกันกับไนกี้ นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ ไมครอนจะสามารถทำกำไรได้ $11,250 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.10 MU Weekly TTM

ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน ไมครอนได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายของตัวเองลงมา พวกเขาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์พีซีมีแนวโน้มที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม CEO ของไมครอนได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าปัญหานี้จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่คอมพิวเตอร์พีซีมีความต้องการลดลงเป็นผลกระทบมาจากการ์ดจอที่มีราคาแพงขึ้น เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกใส่เข้ามาให้เรียบร้อยแล้ว แต่หากบริษัทสามารถกลับมาผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มกำลัง ไมครอนเชื่อว่าปัญหานี้จะหมดไป

หุ้นไมครอนมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $83 ตลอดทั้งปี 2021 ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 10% ซึ่งยังถือว่าเป็นขาขึ้นที่น้อยกว่าดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดเฟีย (SOX) ที่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงเวลาเดียวกัน 30%

3. General Mills

แบรนด์ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่ที่โด่งดังในเรื่องซีเรียล “เจนเนอรัล มิลล์” (NYSE:GIS) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันอังคารที่ 21 ธันวาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ เจนเนอรัล มิลล์จะสามารถทำกำไรได้ $4,840 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.04 GIS Weekly

ในปีนี้หุ้นของบริษัทเจนเนอรัล มิลล์สามารถปรับตัวขึ้นได้ 14% เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2020 ในตอนที่ทั่วโลกยังประสบปัญหากับภัยโรคระบาดจนต้องล็อกดาวน์ สาเหตุที่ทำให้หุ้นของเจอเนอรัล มิลล์ปรับตัวขึ้นได้มากกว่าทั้งๆ ที่ปีนี้สถานการณ์โควิดดูเหมือนจะผ่อนคลายลงแล้วเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทำงานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้มีการกักตุนสินค้ามากกว่าเดิม ภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้สินค้าอาหารมีราคาแพง ก็มีส่วนทำให้ผู้คนเลือกกักตุนอาหารก่อนที่ราคาจะแพงมากขึ้นไปยิ่งกว่านี้ 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเจอเนอรัล มิลล์กำลังเร่งขายแบรนด์ลูกของตัวเองที่มีชื่อว่า Progresso และ Helper พวกเขาต้องการนำเงินที่ขายได้ไปซื้อบริษัทอื่นต่อไปในอนาคต เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หุ้นเจนเนอรัล มิลล์ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $67.65  

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย