การที่ตลาดลงทุนผ่อนแรงขาขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตลาดเริ่มปล่อยคำสั่งซื้อขายที่มีอยู่ในมือเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่แล้ว ดัชนีแนสแด็ก 100 ปรับตัวลดลงประมาณ 2.9% เช่นเดียวกับเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวลดลง 1.0% ตลอดทั้งสัปดาห์
ถือเป็นการกระทำที่เข้าใจได้ว่าทำไมนักลงทุนถึงจบการลงทุนในปี 2021 เร็วกว่าปกติ นอกจากปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ที่มีแต่จะลดเรื่อยๆ พวกเขายังไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงจากการะบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในยุโรปจะมีแต่แย่ลง บางประเทศต้องบอกลาการเฉลิมฉลองคริสต์มาสจนถึงช่วงปีใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ก็ยังมีรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่สามารถดูเป็นแนวทางวิเคราะห์ความเสียหายของโควิดที่มีต่อซัพพลายเชนได้ และนี่คือประเด็นที่บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปดูกัน
1. Nike
บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชื่อดัง “ไนกี้” (NYSE:NKE) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด (เช้าของวันอังคารตามเวลาประเทศไทย) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายงานผลประกอบการครั้งนี้ไนกี้จะสามารถทำกำไรได้ $11,250 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.63
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวียดนามเมื่อไตรมาสที่ 3 ทำให้ยอดขายของไนกี้ลดลง ดังนั้น การคาดการณ์ยอดขายที่จะทำได้เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนจึงต้องถูกปรับลดลงมา เพราะพวกเขาเชื่อว่าการผลิตและขนส่งจะต้องล่าช้าอย่างแน่นอน
เมื่อช่วงต้นปี ไนกี้เคยคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรจะอยู่ที่ตัวเลขสองหลัก แต่การประกาศในเดือนกันยายนเท่ากับว่าการเติบโตอาจถูกลดลงมาเหลือเป็นตัวเลขเพียงหลักเดียวเท่านั้น ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อซัพพลายเชนของไนกี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อการผลิตล่าช้า การขนส่งก็ยิ่งต้องล่าช้าออกไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หุ้นของไนกี้ในปีนี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% มีราคาปิดอยู่ที่ $161.36 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่สร้างเอาไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนเหนือ $177 เชื่อว่าการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตจะส่งผลกระทบต่อขาขึ้นของหุ้นไนกี้ในปี 2021 อย่างมีนัยสำคัญ
2. Micron Technology
บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ไมครอน เทคโนโลยี (NASDAQ:MU) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันและเวลาเดียวกันกับไนกี้ นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ ไมครอนจะสามารถทำกำไรได้ $11,250 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.10
ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน ไมครอนได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายของตัวเองลงมา พวกเขาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์พีซีมีแนวโน้มที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม CEO ของไมครอนได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าปัญหานี้จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
สาเหตุที่คอมพิวเตอร์พีซีมีความต้องการลดลงเป็นผลกระทบมาจากการ์ดจอที่มีราคาแพงขึ้น เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกใส่เข้ามาให้เรียบร้อยแล้ว แต่หากบริษัทสามารถกลับมาผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มกำลัง ไมครอนเชื่อว่าปัญหานี้จะหมดไป
หุ้นไมครอนมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $83 ตลอดทั้งปี 2021 ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 10% ซึ่งยังถือว่าเป็นขาขึ้นที่น้อยกว่าดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดเฟีย (SOX) ที่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงเวลาเดียวกัน 30%
3. General Mills
แบรนด์ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่ที่โด่งดังในเรื่องซีเรียล “เจนเนอรัล มิลล์” (NYSE:GIS) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันอังคารที่ 21 ธันวาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ เจนเนอรัล มิลล์จะสามารถทำกำไรได้ $4,840 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.04
ในปีนี้หุ้นของบริษัทเจนเนอรัล มิลล์สามารถปรับตัวขึ้นได้ 14% เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2020 ในตอนที่ทั่วโลกยังประสบปัญหากับภัยโรคระบาดจนต้องล็อกดาวน์ สาเหตุที่ทำให้หุ้นของเจอเนอรัล มิลล์ปรับตัวขึ้นได้มากกว่าทั้งๆ ที่ปีนี้สถานการณ์โควิดดูเหมือนจะผ่อนคลายลงแล้วเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทำงานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้มีการกักตุนสินค้ามากกว่าเดิม ภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้สินค้าอาหารมีราคาแพง ก็มีส่วนทำให้ผู้คนเลือกกักตุนอาหารก่อนที่ราคาจะแพงมากขึ้นไปยิ่งกว่านี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเจอเนอรัล มิลล์กำลังเร่งขายแบรนด์ลูกของตัวเองที่มีชื่อว่า Progresso และ Helper พวกเขาต้องการนำเงินที่ขายได้ไปซื้อบริษัทอื่นต่อไปในอนาคต เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หุ้นเจนเนอรัล มิลล์ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $67.65