ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การลงทุนในกองทุนรวม ETF กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลล่าสุดระบุว่าในเดือนตุลาคมมีกองทุน ETF ที่ถูกลิสต์อยู่บนตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมแล้ว 2,700 กองทุน คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ $7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นี่คือตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่กองทุน ETF ยังมีน้อยกว่า 2,220 กองทุน ในบทความนี้เราจะพาไปดู 2 กองทุนรวมที่พึ่งถูกลิสต์ขึ้นมา ถึงแม้ว่าสองกองทุนนี้จะมีความโดดเด่นมากกว่ากองทุนอื่นๆ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเพราะเป็นกองทุนใหม่ จึงยังมีประวัติการลงทุนน้อย นักลงทุนจึงควรพิจารณาหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
1. Harbor Disruptive Innovation ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $19.43
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $19.37 - $20.91
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.75% ต่อปี
ในปี 1990 เคลย์ตัน คริสเตนเซ่น จากโรงเรียนธุรกิจฮาวาร์ดเคยนิยาม “นวัตกรรมดิสรัปชัน” เอาไว้ว่า สิ่งของหรือบริการที่สามารถเข้ามาแทนที่สิ่งของหรือบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ ตัวอย่างของเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเช่นนั้นในยุคนี้ได้แก่ iPhone ของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งของเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) หรือแอร์บีเอ็นบี (NASDAQ:ABNB) เป็นต้น ในขณะเดียวกัน MSCI ได้นิยามคำนี้เอาไว้ว่า สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ ท้าทายเทคโนโลยีหรือบริการที่มีอยู่เดิม และมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นั่นเป็นที่มาของการลงทุนใน ETF กองทุนแรกของเราที่มีชื่อว่า The Harbor Disruptive Innovation ETF (NYSE:INNO) นี่เป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจชั้นนำที่มีศักยภาพว่าจะเป็นผู้เปลี่ยนโลก หรือโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีที่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน กองทุนนี้พึ่งเริ่มก่อตั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีนี้เอง
INNO เป้นกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูแลกองทุนอยู่ตลอดเวลา หุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทคิดเป็นหนึ่งในสามของสินทรัพย์กองทุนทั้งหมดเกือบ $6 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นของบริษัทชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Lam Research (NASDAQ:LRCX) NVIDIA (NASDAQ:NVDA) Microsoft (NASDAQ:MSFT) Amazon (NASDAQ:AMZN) Tesla (NASDAQ:TSLA) และ ServiceNow (NYSE:NOW)
กองทุนนี้พึ่งเริ่มต้นเทรดในวันที่ 2 ธันวาคม มีราคาเปิดกองทุนอยู่ที่ $20.27 มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $19.43
2. VanEck Future of Food ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $24.50
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $23.96 - $25.31
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.69% ต่อปี
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้มนุษยชาติมีจำนวนรวมทั้งหมดเกือบ 8,000 ล้านคนทั่วโลก และคาดว่าจะถึง 10 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2050 อัตราการเติบโตที่รวดเร็วเช่นนี้กำลังสวนทางกับทรัพยากรโลกทีมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นนักลงทุนบางส่วนจึงให้ความสนใจลงทุนในเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหาร ยกตัวอย่างเช่นการทำฟาร์มแนวตั้ง โปรตีนทางเลือก และการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีไบโอชีวภาพ
ข้อมูลจากสำนักสถิติที่เชื่อถือได้รายงานว่าปริมาณเงินที่ลงทุนกับบริษัทผู้สร้างเทคโนโลยีการเกษตรไบโอชีวภาพในปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น $22,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR 2010 - 2020) อยู่ที่ 50% ข้อมูลนี้จึงเป็นที่มาของกองทุนที่สอง VanEck Future of Food ETF (NYSE:YUMY) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรสำหรับอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากเกษตรยั่งยืน เทคโนโลยีที่ช่วยเพื่อกำลังการผลิตทางการเกษตร และบริษัทผู้สร้างนวัตกรรมในวงการอาหาร
YUMY เริ่มต้นเทรดมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 50 ตัว หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 38% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด $2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หากพิจารณาการถือครองหุ้นออกเป็นสัดส่วนจะพบว่า YUMY ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมดสี่กลุ่ม กลุ่มแรกคือสินค้าฟุ่มเฟือย (42.1%) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (34.6%) กลุ่มอุตสาหกรรม (14.7%) และกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร (3.0%)
หุ้นของบริษัทที่ YUMY ถือครองมากกว่า 57% อยู่ในสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์ 8.37% เดนมาร์ก 6.45% สวีเดน 5.24% แคนาดา 3.54% และเม็กซิโก 3.52% หุ้นชื่อดังที่ YUMY ถือครองได้แก่ Corteva (NYSE:CTVA); Oatly (NASDAQ:OTLY) Appharvest (NASDAQ:APPH) Givaudan (OTC:GVDNY) และ Ingredion (NYSE:INGR)
กองทุนนี้มีราคาเปิดกองทุนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมอยู่ที่ $24.29 มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $24.50