ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นทั้งตลาดหุ้นและสกุลเงินวิ่งไซด์เวย์อยู่ในกรอบแคบๆ มาตั้งแต่วันจันทร์เพื่อรอฟังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ ในค่ำคืนนี้ นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด มีความเสี่ยงมากที่สุดประจำเดือนธันวาคม และถือเป็นการทิ้งทวนส่งมอบนโยบายการเงินที่จะดำเนินการในปีหน้าต่อไป
ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมีผลต่อการวางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นดัชนีราคาผู้บริโภคและตัวเลขค้าปลีกที่จะประกาศก่อนการประชุม FOMC ในคืนนี้ก็ตาม การระบาดของโอมิครอนและการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลงเพราะเงินเฟ้อทำให้ตลาดลงทุนบางส่วนลดความคาดหวังที่จะได้เห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับนโยบายการเงินในปีหน้าให้ตึงตัว ทันทีที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่าถึงเวลาต้องบอกลาคำว่า “เงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว” นั่นคือช่วงเวลาที่เขาได้ปล่อยให้นักลงทุนตัดสินใจกันเอาเองว่าเฟดควรจบการลดวงเงิน QE เมื่อไหร่ในปี 2022
คำถามที่นักลงทุนอยากทราบคำตอบจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนนี้คือ…
1. ถ้าหากว่าจะร่นระยะเวลาการลด QE จริง จะลดเวลาลงเหลือกี่เดือน?
2. ธนาคารกลางสหรัฐฯ วางแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้งในปีหน้า?
3. คาดการณ์การเติบโตของเงินเฟ้อในปี 2022 ประมาณไหน?
ณ ปัจจุบัน เฟดกำลังลดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์อยู่เดือนละ $15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในความเห็นของนักวิเคราะห์ พวกเขาหวังจะได้เงินเฟดเพิ่มวงเงินในส่วนนี้ขึ้นเป็น $25,000 - $30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากคืนนี้ตัวเลขที่ประกาศออกมาน้อยกว่านี้ ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าจากการถูกเทขาย ในทางกลับกัน ถ้าเฟดยิ่งเพิ่มจำนวนการลดวงเงินฯ มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และยิ่งจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง
จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน แผนภูมิภาพแบบจุด (dot-plot) ในครั้งนั้นมี 9 จาก 18 คนที่คาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2022 แต่ด้วยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทำสถิติสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษ นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้ต้องมีมากกว่าครึ่งหนึ่งจาก 18 คนที่จะเห็นชอบให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า พร้อมทั้งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดเบสิสเป็นอย่างน้อย ดอลลาร์สหรัฐจะยิ่งแข็งค่าหากว่าเกินครึ่งของ FOMC เห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2022
อย่างไรก็ตาม การที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อตัวเลข GDP ของประเทศ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า แต่เชื่อได้เลยว่าในการประชุมวันนี้ และถ้อยแถลงจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงตี 2-3 ตามเวลาประเทศไทย เราไม่น่าจะได้ยินคำว่า “เงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว” อีกต่อไปแล้ว แต่เฟดจะเลือกใช้คำไหนมาอธิบายสถานการณ์เงินเฟ้อ นั่นคือสิ่งที่ตลาดต้องการจะทราบ
หากคิดจะลงทุนในช่วงที่มีการประชุม FOMC นี่คือสามความเป็นไปได้ที่น่าจะให้ประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีที่ 1: วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่เสี่ยงที่สุด คือการวางออเดอร์โดยเชื่อว่าเฟดจะปรับนโยบายการเงินในปีหน้าให้มีการตึงตัวขึ้นอย่างแน่นอน วิธีนี้หมายความว่าคุณเชื่อว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่า ดังนั้นไม่ว่าจะเทรดด้วยคู่สกุลเงินไหน ให้อยู่ข้างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ วางคำสั่งซื้อขายก่อนการประชุม และออกจากตลาดทันทีหลังจากที่ทราบรายละเอียดในถ้อยแถลง ความเคลื่อนไหวของราคาในช่วงแรกจะรวดเร็วมาก เพราะเกิดจากนักลงทุนที่คิดเช่นนี้ได้กำไร และออกจากตลาดไปก่อน
วิธีที่ 2: คือการรอเทรดประมาณ 30-45 นาทีหลังจากที่ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์จบลง เพื่อรอให้ตลาดกลับเข้าสู่สภาวะปกติ มีทิศทางที่แน่นอน ถ้าเห็นว่าราคาทะลุกรอบไปทางไหน ก็สามารถเทรดตามทิศทางนั้นได้เลย
วิธีที่ 3: สำหรับนักลงทุนฝั่งเอเชียคือไปนอน รอให้ลมพายุสงบ ตื่นมาให้เช้ากว่าปกติ เช็คข่าวผลการประชุมที่เกิดขึ้น แล้วเริ่มต้นเทรดในตลาดช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาท้องถิ่นของฝั่งเอเชีย