ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความผันผวนจากภัยโรคระบาด แต่หุ้นในตลาดวอลล์ สตรีทส่วนใหญ่ก็ยังสามารถพากับปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ถึงแม้จะใกล้สิ้นปีแล้ว เรายังคงได้เห็นภาพดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับตัวเข้าใกล้ระดับราคา 4,700 จุด
เมื่อเป็นแนวโน้มขาขึ้น ตลาดลงทุนส่วนใหญ่มักจะไปให้ความสำคัญกับหุ้นของบริษัทชื่อดังอย่างเช่น Apple (NASDAQ:AAPL), Amazon (NASDAQ:AMZN), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Google (NASDAQ:GOOGL) และ Tesla (NASDAQ:TSLA)
แต่ในบทความนี้ เราจะพาไปดูหุ้นสามตัวที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเทคฯ แต่สามารถสร้างขาขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ จนถือได้ว่ามีส่วนสำคัญกับภาพขาขึ้นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในปี 2021
1. Devon Energy
- ราคาเปิดในวันที่ 1 มกราคม: $15.57
- ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 7 ธันวาคม: $45.11
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +189.7%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $30,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
Devon Energy (NYSE:DVN) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบจากหินน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเอกชนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ถือเป็นหุ้นม้ามืดที่ทำผลงานได้ดีในปีนี้ หุ้นของบริษัทได้รับอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นตามความต้องการน้ำมันทั่วโลก ตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน หุ้นของ Devon ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบสามเท่า คิดเป็นขาขึ้นเกือบ 190% เมื่อเทียบกับเอสแอนด์พี 500 ที่ตลอดทั้งปีทำขาขึ้นได้เพียง 25% เท่านั้น
หุ้น DVN เมื่อวันอังคารมีราคาปิดอยู่ที่ $45.11 อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ $45.56 เคยปรับตัวลดลง 37% ในปี 2020 จากการระบาดของโควิดที่ตอนนั้นยังไม่มีวัคซีนรักษา อย่างไรก็ตาม ระดับราคาของหุ้น Devon ในปัจจุบันถือว่าทำได้ดีกว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างเช่น ExxonMobil (NYSE:XOM), Chevron (NYSE:CVX) และ ConocoPhillips (NYSE:COP) เสียอีก
ปัจจุบัน บริษัท Devon Energy มีสถานที่ขุดเจาะน้ำมันสำคัญหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่นใน Delaware Basin, Eagle Ford, Powder River Basin, Anadarko Basin และ STACK ในโอคลาโฮมา ความต้องการพลังงานที่กลับมาแล้ว และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งให้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้อย่าถล่มทลาย มีตัวเลขอัตราการปันผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก $0.04 เป็น $1.08 และกำไรแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น $3,470 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 225%
หากคิดว่าปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับ Devon แล้ว ปีหน้าหุ้น DVN จะยิ่งน่าสนใจได้มากกว่านี้อีก เนื่องจากบริษัทกำลังพยายามทำกำไรคืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการเพิ่มอัตราเงินปันผล และการซื้อหุ้นคืน ล่าสุดบอร์ดบริหารของ Devon พึ่งอนุญาตให้งบสำหรับการซื้อหุ้นคืนมูลค่า $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านมติที่ประชุม Devon ประกาศว่าจะคงการปันผลต่อหุ้นไม่ให้ลงไปต่ำกว่า $0.84 ให้ได้ หากทำเช่นนั้น การปันผลรายไตรมาสจะถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 120% สูงยิ่งกว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ทำได้ 7.45%
2. Macy’s
- ราคาเปิดในวันที่ 1 มกราคม: $11.25
- ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 7 ธันวาคม: $27.86
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +147.6%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $8,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
Macy’s (NYSE:M) เชนห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่มค้าปลีก การกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว คือแรงพลักดันที่ทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วยิ่งขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือการกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า ในสายตาของนักลงทุน สัญญาณของการฟื้นตัวของหุ้น Macy มาจากยอดขายของแบรนด์ตัวเองชื่ออย่าง Bloomingdale และ Bluemercury
หุ้น Macy ปรับตัวขึ้นเกือบ 148% ทั้งๆ ที่เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงสิ้นปี ถึงแม้ว่าในปี 2020 จะปรับตัวลดลงเกือบ 34% จากมาตรการชัดดาวน์ของภาครัฐ แต่ปีนี้หุ้นของบริษัทก็สามารถพลิกกลับขึ้นมาแซงดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้แล้ว ทำราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารเอาไว้ที่ $27.86 สร้างจุดสูงสุดในรอบสามปีเอาไว้ที่ $37.95 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน
สิ่งที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า Macy ได้ฟื้นจากความหายนะในช่วงโควิดปีที่แล้วคือรายงานผลประกอบการของปี 2021 ที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ทุกไตรมาส นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าลูกค้ากลับมาแล้ว แถมยังมีนักช็อปหน้าใหม่เกิดขึ้นด้วย ในไตรมาสที่ 3 บริษัท Macy รายงานว่าสามารถทำกำไรจากลูกค้าใหม่ได้ $4.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบยอดขายระหว่างออนไลน์และร้านที่อยู่บนห้าง พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 37.2%
ยอดขายออนไลน์ถือเป็นสายออกซิเจนสำคัญให้กับ Macy ในปีที่แล้ว และจากรายงานอัตราการเติบโตรายปี และภายในรอบสองปี พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 19% และ 49% ตามลำดับ คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของยอดขายออนไลน์ 33% เพิ่มขึ้น 10% จากยอดขายออนไลน์ในปี 2019 ยิ่งช่วงสิ้นปี เป็นช่วงเวลาช็อปปิ้งสำคัญ เชื่อได้เลยว่า Macy จะต้องได้รับอานิสงส์จากวันคริสต์มาสและปีใหม่ที่คึกคักกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน
3. Nucor
- ราคาเปิดในวันที่ 1 มกราคม: $53.19
- ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 7 ธันวาคม: $114.00
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +114.3%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $32,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นตัวสุดท้ายที่เราอยากจะนำเสนอเป็นของบริษัทผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา Nucor (NYSE:NUE) ขาขึ้นของหุ้น NUE เป็นอานิสงส์มาจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเหล็กก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ยังเป็นเพราะความต้องการผลิตภัณฑ์จากเหล็กที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ตลอดทั้งปี 2021 จนถึงปัจจุบัน หุ้นของ Nucor ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 114% เอาชนะอัตราผลตอบแทนจากเอสแอนด์พี 500 ในปี 2021 ไปได้อย่างง่ายดาย
บริษัท Nucor มีโรงงานผลิตเหล็กอยู่ทั้งหมด 25 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ราคาหุ้นที่เคยปรับตัวลดลงไป 5.5% ในปี 2020 ตอนนี้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาทำราคาปิดเมื่อวันอังคารเอาไว้ที่ $114.00 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 13 สิงหาคมที่ $128.81
รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมถือเป็นรายงานผลกำไรที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท กำไรที่ได้มีตัวเลขเติบโตขึ้นมากกว่า 1000% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว รายได้ที่เทียบแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้นประมาณ 110% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลของกำไรที่บริษัทเคยทำได้ในไตรมาสเดียวเอาไว้ที่ $10,310 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขอัตราการปันผลกำไรต่อหุ้นก็เพิ่มขึ้นเป็น $7.28
ผู้เชียวชาญมองว่าในปี 2022 จะยังคงเป็นปีทองของอุตสาหกรรมเหล็ก หลังจากที่ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดนสามารถพลักดันกฎหมายปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศผ่านมติของสภาได้สำเร็จ การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวได้แก่การซ่อมและสร้างถนน ทางด่วน สะพาน สนามบิน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวว่าล้วนมีเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญ