เพื่อที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา บริษัทเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์ (NYSE:GE) จึงได้ตัดสินใจเดินเกมที่ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่พอสมควร เพื่อไม่ให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปมากกว่านี้ บริษัทเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์จึงได้ตัดสินใจประกาศแยกตัวเองออกเป็นสามบริษัทใหญ่ได้แก่กลุ่มเฮลท์แคร์ กลุ่มการบิน และกลุ่มธุรกิจพลังงาน
เจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์ประกาศว่าธุรกิจด้านเฮลท์แคร์จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2023 ส่วนธุรกิจด้านพลังงาน พวกเขามีแผนจะรวมเอาพลังงานทดแทน พลังงานถ่านหิน และเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2024 ส่วนธุรกิจหลักจะเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการบิน
แลร์รี่ คัลป์ CEO ของเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์ กล่าวว่าช่วงเวลานี้คือ “ช่วงเวลาแห่งการนิยามตัวตนของบริษัทเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์” ตลอดระยะเวลาสามปีหลังจากที่เขาเข้ามากุมบังเหียนบริษัท เจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์สามารถได้กระแสเงินสดกลับมาจากการขายธุรกิจหลักออกไป ซึ่งรวมถึงธุรกิจปล่อยเช่าเครื่องบินเจ็ตมูลค่า $30,000 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย บริษัทด้านไบโอเทคฯ ก็ถูกซื้อไปในมูลค่า $21,000 ล้านเหรียญ
ราคาปิดล่าสุดของหุ้นเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมามีราคาอยู่ที่ $101.99 ราคาหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยนับตั้งแต่วันที่แลร์รี่เข้ามานำบริษัท เมื่อเทียบกับขาขึ้น 60% ของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ผู้ที่ถือหุ้นของเจนเนอรัล อีเล็กทริกซ์ในตอนนี้จะได้รับหุ้นของอีกสองบริษัทใหม่เพิ่มเข้าไปด้วย
กลยุทธ์ใหม่ที่มีความชัดเจน
นักลงทุนรายใหญ่บางส่วนของ GE ชอบในการตัดสินใจครั้งนี้ นี่ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และถือเป็นความกล้าหาญอย่างมากที่จะแยกบริษัทออกจากัน นายนีลสัน เพลท์ ผู้จัดการกองทุน Trian ให้ความเห็นต่อการตัดสินใจครั้งนี้ว่า
“เหตุผลเชิงกลยุทธ์มีความชัดเจน: บริษัทมหาชนชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีทุนจดทะเบียนดี 3 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีการมุ่งเน้นการดำเนินงาน สามารถเน้นความรับผิดชอบในระดับที่ลึกลงกว่าเดิมได้ GE รอบนี้มีความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ที่มากขึ้น และการตัดสินใจในการจัดสรรทุนให้เหมาะสม”
อ้างอิงจากไฟล์พรีเซนต์แก่นักลงทุนของ GE พวกเขาประเมินว่าธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและพลังงานฟอสซิลของ GE ควรได้กำไรเบื้องต้นเป็นตัวเลขหลักเดียวแม้จะมีอัตราการเติบโตต่ำ อัตรากำไรขั้นต้นของ GE Aviation อาจสูงถึง 20% แต่ถึงแม้ว่า GE จะประเมินความสามารถตัวเองต่ำเกินไป แต่นักวิเคราะห์กับชอบการตัดสินใจครั้งนี้ นักวิเคราะห์ 12 คนจาก 20 คนของ Investing.com ปรับระดับความน่าเชื่อถือของหุ้น GE ขึ้นมาเป็น “โดดเด่น” พร้อมทั้งปรับกรอบราคาเป้าหมายสูงขึ้นจากระดับราคาปัจจุบัน 22%
ที่มา: Investing.com
ดีน เดรย์ นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets วิเคราะห์ว่า
“การแยกตัวครั้งนี้อาจทำให้หุ้น GE ปรับตัวขึ้นได้ 20% และจะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับหุ้น GE ในอนาคต เราก็เป็นบริษัทหนึ่งที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ และเชื่อว่าการที่แยกบริษัทออกเป็นสาม ก็เพื่อทำให้จุดเด่นทั้งสามได้ส่องประกายอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น”
โดยสรุปแล้ว
การตัดสินใจเปลี่ยนโฉมตัวเองครั้งนี้ของบริษัท GE ทำให้พวกเขากลายมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกครั้ง ธุรกิจที่พวกเขาเลือกจะเดินคือเทรนด์ของโลกใหม่ ที่จะเปลี่ยนโฉมบริษัทรุ่นคุณพ่อให้กลับมาดูหนุ่มอีกครั้ง สามารถคุยกับนักลงทุนวัยรุ่นได้ถูกคอมากขึ้น การเดินเกมนี้ทำให้ในระยะยาว หุ้น GE ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี นักลงทุนที่มองว่าจะถือหุ้น GE เอาไว้ิีกสามถึงห้าปี นี่คือโอกาสการลงทุนของคุณ