มีคำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือกระบือ” แต่ดูเหมือนว่าคำสุภาษิตนี้จะใช้ไม่ได้กับนักลงทุนทองคำ ความหมายของสุภาษิตนี้สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก คำนี้หมายถึงคนเราเมื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเจอกับประสบการณ์แย่ๆ มนุษย์มักมีแนวโน้มที่จะไม่กลับไปทำสิ่งๆ นั้นอีก แต่ถ้ายังกลับไปทำอยู่ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ดี ไม่รอด แบบนี้เรียกว่าไม่ฉลาด คำพูดนี้อาจจะสามารถใช้ยกมาเปรียบเปรยกับสถานการณ์ของราคาทองคำในปัจจุบันได้ใกล้เคียงที่สุด
ต้องยอมรับว่าการเติบโตของเทคโนโลยีจนทำให้มีสกุลเงินดิจิทัลถือกำเนิดขึ้นมาอาจทำให้นักลงทุนในยุคนี้เปลี่ยนใจไปลองของใหม่ ทิ้งสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งในตำนานอย่างทองคำ ให้เป็นตำนานอยู่เช่นนั้นต่อไป เพราะแม้แต่ในช่วงนี้ ช่วงที่มีปัจจัยหนุนขาขึ้นของทองคำมากที่สุดอย่างเงินเฟ้อ ก็ไม่อาจช่วยให้ตลาดทองคำเกิดความหวือหวาขึ้นมาได้ ในขณะที่นักลงทุนรุ่นใหม่กำลังลุ้นกันอยู่ว่าบิทคอยน์จะสามารถขึ้นยืนเหนือ $70,000 ได้หรือไม่ นักลงทุนรุ่นเดอะกลับกำลังรอดูอยู่ว่าทองคำจะสามารถยืนเหนือ $1,800 ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ ซึ่งการขยับขึ้นมาเหนือ $1,800 ของทองคำครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ห้าในปี 2021 นี้แล้ว
ที่มา: skcharting.com
ตามทฤษฎีแล้ว การเบรกเอาท์ (Breakout) หรือการทะลุกรอบราคาออกมาหมายถึงสภาวะที่แนวโน้มขาขึ้นสามารถขึ้นยืนเหนือแนวต้าน เส้นกึ่งกลาง (neckline) หรือแรงกดดันจากฝั่งขาลงได้ ซึ่งพฤติกรรมขาขึ้นของราคาทองคำนับตั้งแต่วันศุกร์มาจนถึงปัจจุบันถือว่าเป็นไปตามตำรา
อย่างไรก็ตาม การเบรกเอาท์นั้นไม่ได้มีแค่เฉพาะการหลุดขึ้นยืนเหนือแนวต้านขึ้นไปแล้ว จะถือว่าเป็นขาขึ้นแน่นอน เพราะในบางครั้งตลาดลงทุนก็มีสิ่งที่เรียกว่า “การทะลุแนวต้านแบบหลอกๆ” อยู่ด้วย ตัวอย่างของเหตุการณ์นี้ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ก็คือขาขึ้นของทองคำในช่วงสี่ครั้งก่อนหน้าครั้งล่าสุดนี่เอง ที่ราคาทองคำทำเหนือว่าจะสามารถยืนเหนือ $1,800 ได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ก็จะมีเหตุการณ์บางอย่างมาทำให้ราคาทองคำร่วงกลับลงไปทดสอบ $1,770, $1,700 หรือต่ำสุดที่เคยเห็นในวันที่ 9 สิงหาคมคือ $1,680
ณ จุดจุดนี้ มีคำถามและการวิเคราะห์มากมายว่าทองคำต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถรักษาสภาพการยืนเหนือ $1,800 เอาไว้ได้อย่างจริงจัง หากพิจารณาที่ปัจจัยพื้นฐานก่อน เราทุกคนต่างทราบกันดีว่าทองคำคือสินทรัพย์คานความเสี่ยงจากระบบการเงินที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ แต่นอกจากเรื่องการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัลแล้ว เหตุผลที่ราคาทองคำไม่ยอมปรับตัวขึ้นทั้งๆ ที่มีเงินเฟ้อหนุนหลัง
นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นว่าเป็นเพราะตลาดลงทุนเชื่อในคำมั่นสัญญาของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คอยนวดตลาดมาตลอดว่า “เงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว เดี๋ยวราคาสินค้าที่แพงขึ้นก็จะลดลงมาเอง” ดังนั้นตลาดลงทุนจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปถือครองทองคำในระยะยาว ความเชื่อนี้ลุกลามไปถึงตลาดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนานที่สุดตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในตอนนี้ถือเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่ของนักลงทุนว่าตกลงแล้วเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดใจเย็นมากเกินไป หรือตั้งใจจะละเลยปล่อยให้ปัญหาเงินเฟ้อเกิดขึ้น แม้กระทั่งการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งๆ ที่เริ่มประกาศลดวงเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจ (QE) แล้ว เขาก็ยังยืนคำเดิมว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว พร้อมทั้งบอกอีกด้วยว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ขาขึ้นของราคาทองคำในตอนนี้อาจเป็นสัญญาณว่า นักลงทุนไม่เชื่อคำพูดของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกต่อไป?
อนึ่ง ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะยังคงนโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิม แต่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยที่เฟดจะลดวงเงิน QE เดือนละ $15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งออกเป็นลดวงเงินการซื้อพันธบัตรรัฐบาล $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) $5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ท่ามกลางการผันผวนของดอลลาร์และตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทองคำก็อาศัยจังหวะนี้ขยับตัวขึ้นจาก $1,800 ขึ้นมาวิ่งอยู่ที่ $1,825 เมื่อวานในช่วงที่ตลาดลงทุนฝั่งเอเชียเปิดทำการ แต่ยิ่งทองคำมีแนวโน้มว่าจะวิ่งขึ้นได้มากเท่าไหร่ นักลงทุนบางส่วนก็ยังกังวลว่าขาขึ้นระลอกนี้อาจจะยังไม่ใช่ของจริง ดังนั้นบทความนี้จะพาไปดูกันว่านักวิเคราะห์มีความเห็นอย่างไรกับสถานการณ์ราคาทองคำในตอนนี้
“แนวต้านแรกที่ทองคำจะต้องเจอ และต้องใช้เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแรงขาขึ้นในรอบนี้คือการขึ้นยืนเหนือ $1,835 ให้ได้ แต่สำหรับตอนนี้ผมจะแนะนำให้ลูกค้าของผมไปลงทุนในตลาดออปชันเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดฟิวเจอร์สดีกว่า ส่วนตัวแล้วผมพิสูจน์อีกสองวันว่าจะสามารถยืนเหนือ $1,840 ได้หรือไม่ ผมถึงจะกล้าบอกลูกค้าของผมให้เข้าซื้อทอง” - Phillip Streible นักวิเคราะห์จากบริษัท Blue Line Futures
Daniel Dubrovsky นักวิเคราะห์จาก DailyFX.com วิเคราะห์ทองคำไว้อย่างละเอียด เขามีมุมมองต่อราคาทองคำว่า
“สำหรับขาขึ้น การทองคำยืนเหนือโซนราคา $1,808 - $1,803 ได้ทำให้เปิดโอกาสที่ทองคำจะได้วิ่งขึ้นสู่โซน $1,825 - $1,834 จุดตัดสินว่าทองคำจะควรเปลี่ยนมุมมองเป็นขาขึ้นได้จริงๆ หรือไม่ ให้พิจารณาการตัดกันระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย 20-50 SMA ในกราฟ 4 ชั่วโมง เพราะเมื่อมีการย่อตัวลงมา เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ”
นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เดเนียลยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ลูกค้าของเขาส่วนใหญ่ตัดสินใจ เขากล่าวว่า
“ตอนนี้ 66% ของนักลงทุนรายย่อยก็ยังเชื่อว่าทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ คนที่เชื่อในฝั่งขาลงของกราฟรายวันมีเพียง 10.30% และขาลงในกราฟรายสัปดาห์มี 48.34% เมื่อนำข้อมูลทั้งสองมาเทียบกัน จะเห็นว่าสัดส่วนนั้นยังค่อนไปทางขาขึ้นมากกว่าเล็กน้อย เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับทองคำแล้วว่าจะสามารถขึ้นถึงโซนที่บอก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นได้หรือไม่”
Haresh Menghani นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ fxstreet.com มองว่า การที่ทองคำขึ้นมายืนเหนือ $1,810 ทำให้โอกาสขึ้นต่อไปทดสอบโซนแนวต้านสุดหินที่ $1,832-34 เปิดกว้างมากขึ้น แต่หากกลับลงมาวิ่งต่ำกว่า $1,800 เมื่อไหร่ ให้พิจารณาแนวรับถัดไปที่ $1,780 และ $1,770
สุดท้าย นักวิเคราะห์ขาประจำของเรา Sunil Kumar Dixit จาก skcharting.com วิเคราะห์ว่า
“แนวต้านถัดไปของราคาทองคำสปอตคือ $1,833 - $1,835 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเป็นกังวลคืออินดิเคเตอร์ SRSI ของผมดันอยู่ในโซน overbought แล้วที่ 95/95 หากทองคำสามารถเอาชนะอินดิเคเตอร์ของผมได้ และขึ้นยืนเหนือ $1,835 ได้อย่างเร็ว มีโอกาสที่เราจะได้เห็นทองคำที่ $1,860 แต่หากยังขึ้นอย่างเชื่องช้าแบบนี้ ทองคำก็อาจจะวิ่งลงตามอินดิเคเตอร์ของผม และมีโอกาสที่จะได้เห็นทองคำที่แนวรับ $1,810-$1,800-$1,795 ซึ่งถือเป็นจุดซื้อเก็บทองคำสะสมเพิ่มที่ดี”