หลังจากที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ผ่านมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ความสนใจของนักลงทุนกลับไปอยู่ที่ปัจจัยพื้นฐานอย่างตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้ง เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประตำเดือนตุลาคมสามารถเพิ่มขึ้นจนสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ด้วยตัวเลขที่ 531,000 ตำแหน่ง เทียบกับคาดการณ์ 450,000 ตำแหน่ง
ข่าวดีดังกล่าวส่งให้ดัชนีหลักของสหรัฐฯ อย่างเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ สร้างสถิติขาขึ้นเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน ในวันเดียวกันนั้นเองที่ดัชนีดาวโจนส์และแนสแด็กก็สามารถปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้
แม่ตัวเลขเศรษฐกิจดีกลับมา คำถามที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำคือ ตัวเลขดีๆ เหล่านี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน? ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นสัญญาณบ่งบอกได้หรือไม่ว่าผมกระทบของวิกฤตโควิดในอเมริกาได้สิ้นสุดลงแล้ว? ถึงแม้จะมีคำถามมากมายเหล่านี้รออยู่ แต่เราก็ไม่ลืมที่จะยกหุ้น 3 ตัวที่คาดว่าจะมีรายงานผลประกอบการที่โดดเด่นในสัปดาห์นี้มาฝากอีกเช่นเคย
1. Coinbase Global
แพลตฟอร์มผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่าง “คอยน์เบส” (NASDAQ:COIN) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้คอยน์เบสจะสามารถทำกำไรได้ $1,570 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.73
เพราะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ ดังนั้นความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของคอยน์เบสโดยส่วนใหญ่จะอ้างอิงจากราคาบิทคอยน์และอีเธอเรียม ถือเป็นความโชคไม่ดีเท่าไหร่ที่ในช่วงเดือนเมษายน ที่คอยน์เบสอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาถือหุ้นบริษัทได้ กลับเป็นช่วงเวลาของขาลงในตลาดสกุลเงินดิจิทัลพอดี นั่นจึงทำให้หุ้นคอยน์เบสไม่เคยวิ่งกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมของตัวเองได้เลย
จนกระทั่งขาขึ้นของตลาดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงนี้ ที่ทำให้หุ้นของคอยน์เบสปรับตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง สาเหตุของขาขึ้นครั้งนี้เกิดมาจากการเปิดตัวกองทุน ETF น้องใหม่ที่อนุญาตให้เทรดบิทคอยน์ผ่านตลาดฟิวเจอร์สอย่าง ProShares Bitcoin Strategy ETF (NYSE:BITO) และ Valkyrie Bitcoin Strategy ETF (NASDAQ:BTF)
ถึงแม้ว่าความเคลื่อนไหวของราคาในกองทุนทั้งสอง จะไม่ตรงกับราคาสปอตของบิทคอยน์หรืออีเธอเรียมจริงๆ แต่อย่างน้อยการมี ETF ก็จะเป็นการเปิดตลาดในคนเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลทางอ้อมได้มากขึ้น ล่าสุดราคาหุ้นคอยน์เบสมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $337.05 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 40% ภายในช่วงเวลาหนึ่งเดือนล่าสุด จากขาขึ้นในตลาดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงนี้
2. The Walt Disney Company
บริษัทเจ้าของอาณาจักรมิกกี้เมาส์ “ดิสนีย์” (NYSE:DIS) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ดิสนีย์จะสามารถทำกำไรได้ $18,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.52
ด้วยความที่ปีนี้บริษัทดิสนีย์ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งการเติบโตที่ยั่งยืนหลังยุคโควิด นั่นจึงทำให้ปีนี้หุ้นดิสนีย์ถือว่าวิ่งได้ต่ำกว่ามาตรฐาน CEO ของดิสนีย์ก็ได้บอกออกมาตรงๆ ในเดือนกันยายนว่ามีโอกาสที่ผู้สมัตรสมาชิกดิสนีย์พลัส (Disney+) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2021 จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
“ถึงแม้ว่าเราจะมีความเชื่อมั่นว่าจะมีการเติบโตของยอดผู้สมัครสมาชิกดิสนีย์พลัสในระยะยาว แต่ยอดผู้สมัครสมาชิกในช่วงไตรมาสสี่นี้อาจจะมีการลดลงไปบ้าง และอาจจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์วอลล์ สตรีทคาดการณ์”
ในปี 2021 นี้หุ้นของดิสนีย์ปรับตัวลดลงมากกว่า 6% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $175.63 ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งคนสำคัญอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) ที่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 19%
3. PayPal Holdings
บริษัทผู้ให้เป็นตัวกลางการชำระเงินระหว่างประเทศ “เพย์พาวล์” (NASDAQ:PYPL) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เพย์พาวล์จะสามารถทำกำไรได้ $6,230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.07
แดน ชูลแมน CEO ของบริษัทเพย์พาวล์กล่าวเมื่อไตรมาสที่แล้วว่าการแยกตัวออกมาจากอดีตบริษัทแม่อย่างอีเบย์ (NASDAQ:EBAY) อาจจะทำให้บริษัทต้องเจอกับอุปสรรคในช่วงแรก ชูลแมนให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อเดือนกรกฎาคมว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าถึงวันหนึ่งเพย์พาวล์ก็ต้องแยกตัวออกมาจากอีเบย์ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วกว่าที่คาด ในช่วงสามเดือนล่าสุด ราคาหุ้นเพย์พาวล์ปรับตัวลดลงประมาณ 20% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $225.78