เป็นหุ้นตัวแรกที่ประกาศงบออกมาก่อน เพราะรอบปิดงบไม่ตรงกับคนอื่น Q2 ของเขาคือ June-Aug
กำไรสุทธิ 678 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด 32%
หรือถ้าเทียบกับผลงานที่ผ่านมา คือ -30% YoY -41% QoQ
เรียกได้ว่าผิดคาดไปเยอะ แต่ราคาหุ้นนั้นเปิดลงไปแป็บเดียว ก็วิ่งกลับขึ้นมา และมาปิดที่ 189 บาท บวกไปเกือบ 2% (ตอนแรกผมก็คิดว่าจะลงเยอะกว่านี้)
เราพอจะเดาใจตลาดว่ายังไงได้บ้างจากกรณีนี้เผื่อเอาไว้ดูแนวโน้มหุ้นตัวอื่นที่กำลังจะประกาศออกมา
1️.Bottom Out
เพราะงบของ อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (BK:AEONTS) ปิดสิงหาคมพอดี ซึ่งตลาดรู้ว่า ช่วงเดือน 7-8 เป็นช่วง Lock Down หนักมาก การใช้จ่ายต่างๆ ก็คงจะน้อยมาก เป็นช่วงเวลาที่น่าจะแย่ที่สุดของปี แล้วกันยายนเริ่มทยอยเปิดเมืองได้ สถานการณ์น่าจะดีขึ้น โอกาสที่รายได้ กำไรน่าจะดีขึ้น ตลาดเลยเลือกที่จะมองข้าม
แปลว่า ถ้าหุ้นตัวอื่นที่จะประกาศออกมาของ Q3 แล้วรวมเดือนกันยายนเข้าไปด้วย ถ้างบออกมาไม่แย่จนเกินไป หรือเห็นภาพว่า เดือน 7-8 แย่ แต่เดือน 9 ฟื้น แบบนี้ตลาดชอบ แต่ถ้ากลับกัน คือ แย่หมดทุกเดือนทั้งไตรมาส แบบนี้อาจจะร่วงได้
2️. PPOP (Pre Provision Operating Profit) ยังดูดี
เพราะรอบนี้ AEONTS สำรองไปตั้ง 2000 ล้านบาท จากที่คาดกันว่าน่าจะอยู่ซัก 1,500 ล้านบาท แต่ถ้าเราดูกำไรก่อนตั้งสำรอง หรือ PPOP จะอยู่ที่ 2,917 ล้านบาท ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อน คือ 2,665 ล้านบาท หรือเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว คือ 2,805 ล้านบาท ก็ดีขึ้นทั้งคู่
แปลว่า ถ้าหุ้นตัวอื่นประกาศงบออกมา กำไรไม่ดี แต่เป็นเพราะตั้งสำรองเยอะ ให้มาดู PPOP ว่าเป็นยังไง ถ้ายังเติบโตได้ดีอยู่ ตลาดก็อาจจะมองบวกได้เช่นกัน
3️. NPL ลดลง จาก 5.7% เหลือ 5.2%
เพราะว่ามีการตัดจำหน่ายหนี้เสียออกไป 320 ล้านบาท และตอนนี้มี Coverage Ratio สูงถึง 243% แปลว่า อาจจะไม่ต้องตั้งสำรองเยอะๆ อีก และถ้าสถานการณ์ COVID เป็นไปในทางที่ดี ก็อาจะกลับรายการได้
แปลว่า ถ้าหุ้นตัวอื่นมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น อาจไม่ต้อง write off ก็ได้นะ แต่เห็นแนวโน้มว่า NPL คงที่หรือลดลงได้ มีการตั้งสำรองไว้เยอะมากแล้ว ตลาดก็อาจจะชอบได้เช่นกัน
4️. สินเชื่อ และ Spread เพิ่มได้บ้าง
ถึงแม้อยู่ในเดือนที่ปิดเมือง แต่ Loan Growth +0.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ถ้าเทียบกับปีก่อนก็ยัง -1%
ในขณะที่ Spread 17.6% ทรงตัวในระดับนี้ได้ เพราะ Loan Yield สูงอยู่ที่ 20.4% ก็คือ แม้เป็นไตรมาสที่เหนื่อย การใช้จ่ายไม่ได้ดี แต่ก็ยังประคองตัวได้
แปลว่า ถ้าหุ้นตัวอื่น ปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มหรือไม่ลดลงเยอะ รักษาเรตการปล่อย และคุมต้นทุนได้ดี ตลาดก็น่าจะชอบและเห็นสัญญาณว่าอนาคตน่าจะดีได้
5️. Cost to Income ลดลงจาก 37.5% เหลือ 36.2%
คือ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ทั้งคน ทั้งขนาดสาขา ค่าการตลาด มาทำออนไลน์แทน และเชื่อว่า ถ้ากลับไปปกติ ค่าใช้จ่ายอันไหนที่เห็นแล้วว่า ไม่จำเป็น ก็คงไม่ได้กลับมาเพิ่ม หรือถ้าทำออนไลน์แล้วดี คุ้มค่า ก็คงทำต่อเนื่อง
แปลว่า ถ้าหุ้นตัวอื่นซึ่งก็น่าจะลดค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ถ้าลดได้เยอะ แล้วไม่กระทบรายได้มาก หรือในอนาคตไม่กลับไปเพิ่มเยอะเท่าแต่ก่อน ตลาดก็น่าจะมองบวก
โดยสรุป ที่ราคาหุ้นไม่ลงแรงจนปิดแดง แต่ดันขึ้นมาเขียวและปิดบวกไปเกือบ 2% เพราะตลาดอาจจะมองข้ามงบที่ไม่ดี คิดว่าเป็นเพราะการตั้งสำรองที่กดดันกำไร และไปมองถึงอนาคตว่า เปิดเมืองแล้ว การใช้จ่ายมากขึ้น สินเชื่อยังโตได้ NPL คงไม่เพิ่มแล้ว และอาจไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มอีก อาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
แต่ก็ต้องฝากทุกคนพิจารณากันให้ดีด้วยว่า AEONTS อาจจะฟื้น ถ้าสถานการณ์ COVID คลี่คลาย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะโตแบบก้าวกระโดดโดยทันที รายได้เองก็ยังไม่ได้ดูดีมากขนาดนั้น สินเชื่อก็เพิ่งจะบวกแบบบางๆ และที่สำคัญรอบนี้ถ้าไม่ได้การขาย NPL ออกไป รายได้ก็อาจจะไม่ได้เพิ่มก็เป็นได้ และใน 1-2 ปี ข้างหน้าก็ต้องติดตามยานแม่ หรืออาจจะมียานลำอื่นๆ เข้ามาคุกคามด้วยหรือไม่
เพื่อนๆ ลองไปปรับใช้กับหุ้นบริษัทอื่นที่กำลังจะประกาศงบออกมานะครับ ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร เราจะได้เตรียมรับมือได้ทันท่วงที
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น