ในปีนี้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ เอ็กซอน โมบิล (NYSE:XOM) สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากขาลงเพราะสถานการณ์โควิดในปีที่แล้ว ขาขึ้นของหุ้นเอ็กซอน โมบิลในปีนี้คือเป็นการปรับตัวขึ้น 50% มากกว่าผลงานขาขึ้นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ด้วยผลงานที่น่าสนใจเช่นนี้จึงทำให้นักลงทุนหลายคนตั้งคำถามว่าควรเข้าซื้อและถือหุ้นเอ็กซอน โมบิลในระยะยาวหรือไม่
ต้องยอมรับว่าผลงานตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีก่อนของเอ็กซอน โมบิลไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่ จริงอยู่ว่าทศวรรษก่อนหุ้นเอ็กซอน โมบิลอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุดในตลาดหุ้น แต่นับจากนั้นเป็นต้นมา ราคาหุ้นของบริษัทแห่งนี้ก็ไม่ขยับไปไหนไกลอีกเลย วิ่งตามหลังดัชนีเอสแอนด์พี 500 ประมาณ 300 กว่าจุดเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น มูลค่าของบริษัทที่หายไปมากถึง $20,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพราะภัยโรคระบาด ทำให้เอ็กซอน โมบิลต้องหลุดออกจากดัชนีดาวโจนส์ที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าทศวรรษ
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการลงทุน Evercore ISI ระบุว่าในช่วงระหว่างปี 2009 ถึง 2019 เอ็กซอน โมบิลใช้เงินลงทุนไปมากถึง $261,000 ล้านเหรียญสหรัฐกับรายจ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการหรือเพื่อการหารายได้ (CAPEX) แต่กำลังการผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติกลับคงที่ นอกจากนี้บริษัทยังมีมูลหนี้เพิ่มเข้ามาอีก $45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้ในปีที่แล้วลดลง 4% จากตัวเลข 16% ในปี 2009 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสโลกที่ต้องการจะหันไปพึ่งพลังงานสะอาดมากขึ้น และนักลงทุนก็ต้องการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองกับการลงทุนในพลังงานสะอาดมากกว่าพลังงานในรูปแบบเดิม
ตลาดลงทุนอื่นมีความน่าสนใจมากกว่า
สถานการณ์ทางการเงินเช่นนี้ยิ่งทำให้ความน่าสนใจของหุ้น XOM ในระยะยาวลดลง แม้ว่าหุ้นเอ็กซอน โมบิลในปีนี้จะปรับตัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์วอลล์ สตรีทส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็นข้อดีมากนัก นักวิเคราะห์ 19 คนจาก 30 คนของเว็บไซต์ Investing.com ให้ระดับความน่าสนในของหุ้น XOM อยู่ในระดับ “ปานกลาง” พวกเขาลงความเห็นว่าหุ้น XOM ยังไม่มีความน่าสนใจเพียงพอถึงแม้ว่าจะเห็นสัญญาณการกลับมาของอุปสงค์น้ำมัน
ที่มา: Investing.com
ธนาคารโรยัล แบงก์ ของแคนาดาให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น XOM กับลูกค้าของพวกเขาเอาไว้ว่าบริษัทเอ็กซอน โมบิลจะต้องมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ จึงทำให้ความน่าสนใจตกไปอยู่กับการลงทุนในหุ้นตัวอื่นหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นมากกว่า
“ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายกับบริษัทเอ็กซอน โมบิล หลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากนักลงทุน มีสมาชิกคณะกรรมการใหม่สามคนได้รับเลือกเข้ามา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เอ็กซอน โมบิลยังได้ว่าจ้างประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินภายนอกจาก Diageo ภายในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตพลังงานเดียวกัน เราเห็นตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า และคงการให้คะแนนต่อหุ้น XOM ของเราเอาไว้ที่ “ต่ำกว่ามาตรฐาน””
XOM กับนโยบายรัดเข็มขัดอย่างจริงจัง
ถึงแม้ว่าภาพรวมในระยะยาวของบริษัทเอ็กซอน โมบิลยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็มีข้อมูลที่เชื่อถือได้บางอย่างที่บ่งบอกว่าบริษัทอาจได้อานิสงส์จากความต้องการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหลังจากวิกฤตโรคระบาดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เอ็กซอนบอกกับนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้รายรับในไตรมาสที่สามของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก $700 ล้านดอลลาร์เป็น $1,500 ล้านดอลลาร์ ในข้อมูลที่ยื่นให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เอ็กซอนกล่าวว่าขาขึ้นของราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทน $200 ล้านถึง $600 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะทำกำไรให้กับบริษัทเพิ่มเป็น $500 ล้านดอลลาร์ถึง $900 ล้านดอลลาร์
ในตอนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 54% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $78.83 ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นมามากกว่า 130% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $6.230 ภาพรวมตลาดพลังงานที่มีแนวโน้มจะช่วยบริษัทให้มีกำไรมากขึ้น ประกอบกับเงินปันผลจากการถือหุ้น 6% ทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้น XOM อยู่แล้วยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจไปจากหุ้นตัวนี้ ที่สำคัญบริษัทเริ่มสามารถสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจของตัวเองได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปกู้ยืมใครเหมือนในปีที่แล้ว
แต่ในความเห็นของเรา นักลงทุนยังไม่ควรทื่จะรีบกระโจนเข้าไปถือครองหุ้น XOM ตอนนี้ เพราะบริษัทเองก็ต้องอยู่ภายใต้มาตรการรัดเข็มขัดอยู่พอสมควร ตอนนี้บริษัทยังต้องลดงบประมาณที่ใช่กับการสำรวจ หาแหล่งพลังงานใหม่หรืองบที่เตรียมจะเอาไว้ใช้กับการขยายบริษัทเพิ่มเติม
หากพิจารณาในแง่ของการเติบโต นักวิเคราะห์ในตลาดพลังงานแนะนำให้ไปมองหาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตพลังงานที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างเช่น ConocoPhillips (NYSE:COP) และ Diamondback Energy (NASDAQ:FANG) ในเดือนที่แล้ว บริษัทไดมอนด์แบล็คพึ่งประกาศแผนคืนกำไร 50% จากกระแสเงินสดที่บริษัทสามารถทำได้ให้กับผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ไดมอนด์แบล็คยังมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนอีก $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นักวิเคราะห์มากกว่า 80% ในช่วงนี้จึงได้เทใจไปให้กับหุ้นทั้งสองตัวนี้
สำนักข่าว CNBC ให้ความเห็นว่าการร่นระยะเวลาแผนคืนกำไรแก่นักลงทุนเข้ามาเร็วขึ้น ประกอบกับแผนการซื้อหุ้นคืน ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการเงินที่แข็งแกร่งของ Diamondback รวมไปถึงความมีวินัยด้านเงินทุน และความต้องการมอบผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างจริงจัง
โดยสรุปแล้ว
ถึงแม้ว่าในปีนี้หุ้นเอ็กซอน โมบิลจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเร็ว แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้หุ้นเอ็กซอน โมบิลตอนนี้เป็นตัวเลือกที่ดีในระยะยาว เนื่องจากบริษัทยังมีหนี้ที่ต้องจัดการ และยังไม่พร้อมที่จะลงทุนเพื่อสร้างอัตราการเติบโตเพิ่ม ในช่วงสิบปีล่าสุด บริษัทเคยลงทุนพลาดและใช้จ่ายเกินตัวไปกับโปรเจคที่ไม่จำเป็น จึงทำให้มูลหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น $50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จนกว่าบริษัทจะมีเงินเพิ่มในส่วนของการเติบโต เรายังไม่แนะนำให้เข้าไปถือครองหุ้นเอ็กซอน โมบิล