มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

ไตรมาสใหม่ ปัจจัยกังวลเดิม: เงินเฟ้อ ลด QE และรายงานผลประกอบการ

เผยแพร่ 04/10/2564 10:32
US500
-
MRK
-
STZ
-
CAG
-
PEP
-
XLE
-
XLV
-
XLK
-
XLU
-
AMC
-
3333
-
EGRNY
-
LEVI
-

ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เริ่มต้นเดือนตุลาคมเมื่อวันศุกร์ด้วยหน้าตาที่สดใสพอสมควร ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีการเติบโตขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับข่าวดีเมื่อบริษัทเมิร์ค (NYSE:MRK) สามารถส่งยาโมลนูพิราเวียร์ ยาต้านโควิดชนิดใหม่ผ่านการทดลองในเฟสที่ 3 ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ยังคงทำให้นักลงทุนกังวลไม่เลิกก็ยังคงเป็นภาวะเงินเฟ้อ ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ที่ใกล้จะถึงเวลาแล้ว

นอกจากสามปัจจัยที่กล่าวมา นักลงทุนต้องไม่ลืมว่าถึงแม้วันศุกร์ที่แล้วจะตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม แต่กลับไม่ได้รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) เพราะการรายงานตัวเลขนี้จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะได้ตัวเลขการจ้างงาน “ดีดี” อีกหนึ่งครั้งก่อนประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนหรือไม่คือสิ่งที่ตลาดจะให้ความสำคัญมากที่สุด 

การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แม้จะถูกเลื่อนออกไปเป็นการประชุมในวันที่ 18 ตุลาคม แต่นักลงทุนก็ต้องการทราบความเป็นไปได้ในระหว่างนี้อย่างต่อเนื่อง และต้องไม่ลืมว่าที่ฝั่งเอเชียก็ยังมีประเด็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง “เอเวอร์แกรนด์” (OTC:EGRNY) (HK:3333) ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งที่สอง และยังไม่รู้ว่าดราม่านี้จะจบลงเช่นไร ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่กำลังรอนักลงทุนอยู่ในการเปิดตลาดลงทุนเดือนตุลาคมอย่างเป็นทางการ

จิม แครมเมอร์ ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ “แมด มันนี่” ซึ่งเป็นช่องเกี่ยวกับการเงินบนช่อง CNBC วิเคราะห์ว่าการปิดคำสั่งซื้อขายเพื่อทำกำไรก่อนจะมีส่วนสำคัญกับการกดดันตลาดหุ้นก่อนรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในขณะเดียวกันก็มีนักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นว่าปรากฎการณ์ “October Effect” จะเป็นปัจจัยฉุกรั้งตลาดหุ้นอเมริกาตลอดทั้งเดือน ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันอย่างการประชุมเฟด โควิดที่ทำให้ซัพพลายเชนขาดแคลนและลามกลายมาเป็นเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์สายคิดบวกบางคนก็ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้

งานวิจัยจาก CFRA ระบุว่าตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ค่าเฉลี่ยการเติบโตของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในไตรมาสที่สี่มีตัวเลขอยู่ที่ 3.9%  คิดเป็นการเติบโต 80% ของช่วงเวลาที่ทำการวิจัยทั้งหมด เท่ากับว่างานวิจัยนี้กำลังบอกว่าไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเอสแอนด์พี 500 แต่ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเดือนตุลาคมมักจะเป็นเดือนที่ตลาดลงทุนมีความผันผวนสูงถึง 36% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนอื่นๆ ในรอบปี

พฤติกรรมการวิ่งของดัชนีเอสแอนด์ 500 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เริ่มส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

SPX Daily

จากรูปจะเห็นว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 สร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ขนาดเล็กเสร็จไปแล้ว ตัวดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 ตอนนี้กราฟอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณขั้นแรกของการเริ่มทำแนวโน้มขาลง อินดิเคเตอร์ RSI ก็ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นซัพพอร์ตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 เราจึงค่อนข้างเป็นกังวลว่าแท่งเทียนขาขึ้นเมื่อวันศุกร์อาจจะเป็นเพียงการกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับที่ทะลุลงมาแล้วเท่านั้น

หากดูหุ้นทุกกลุ่มบนเอสแอนด์พี 500 จะเห็นว่ามีเพียงหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเท่านั้นที่ทรงตัว นอกนั้นอีกสิบกลุ่มสามารถจบวันศุกร์ด้วยการปิดบวกทั้งหมด ส่งให้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 1.15% แต่หากพิจารณาตลอดทั้งสัปดาห์ จะเห็นว่าหุ้นทุกกลุ่มไม่สามารถปิดบวกได้เลยยกเว้นกลุ่มพลังงาน (+5.8%) หุ้นที่ติดลบมากที่สุดคือกลุ่มเฮลท์แคร์ (-3.5%) และเทคโนโลยี (-3.3%) และถ้าดูตลอดทั้งเดือนกันยายน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงมา 4.8% ได้ปิดเดือนติดลบครั้งแรกในรอบเก้าเดือนล่าสุด

ถึงแม้จะเจ็บปวดเพียงใด แต่ผลงานที่ย่ำแย่ของเอสแอนด์พี 500 ก็ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ในวันนี้ซึ่งถือว่าเป็นเดือนใหม่ มีหุ้นตัวใดน่าจับตาดูบ้าง....

เริ่มต้นด้วยหุ้นของบริษัท AMC Entertainment Holdings (NYSE:AMC) เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มาร์เวลเรื่อง “เวน่อม” ซึ่งในตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงภาคที่ 2 และกำลังจะเข้าฉายในทุกโรงภาพยนตร์ที่สหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์เชื่อว่ายอดขายตั๋วของภาพยนตร์ฮีโร่เรื่องนี้จะสามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และอาจจะทำกำไรได้มากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดAMC Weekly

เมื่อพิจารณาที่ราคาหุ้นของ AMC จะเห็นว่ากราฟยังคงวิ่งอยู่ในรูปแบบไซด์เวย์ โดยที่อินดิเคเตอร์ RSI อยู่ในระดับ overbought และกำลังสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ภายในอินดิเคเตอร์ ถึงแม้ว่าหุ้นบริษัทจะได้รับข่าวดีจากการที่ CEO ออกมาทวิตเมื่อวันอังคารที่แล้วว่าผู้ถือหุ้นที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม AMC Investor Connect สามารถซื้อตัวและพาเพื่อนไปดูภาพยนตร์ได้ฟรี

ต่อมา บริษัท PepsiCo (NASDAQ:PEP) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ในวันอังคารที่ 5 ตุลาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลต่อหุ้นจะมีตัวเลขอยู่ที่ $1.73 ในขณะที่กำไรรวม เป๊ปซี่จะสามารถทำได้ $19,320 ล้านเหรียญสหรัฐ PEP Daily

การวิเคราะห์ทางเทคนิคในรูปนี้กำลังส่งสัญญาณบอกว่าหุ้นเป๊ปซี่ได้สร้างรูปแบบหัวไหล่เสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ของหุ้นเป๊ปซี่คล้ายกันกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 อินดิเคเตอร์ RSI ก็ได้ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าเส้นแนวรับที่วางที่วางมาตั้งแต่เดือนมีนาคม

บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์ ไวน์ และน้ำแร่ธรรมชาติ Constellation Brands (NYSE:STZ) และ Levi Strauss (NYSE:LEVI) จะรายงานผลประกอบการในวันเดียวกันกับบริษัทเป๊ปซี่ แต่บริษัทแรกจะรายงานผลประกอบการก่อนเปิดตลาด ในขณะที่อีกบริษัทจะรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขอัตราผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ STZ จะออกมาอยู่ที่ $2.78 และตัวเลขกำไรจะมีมูลค่าสูงถึง $2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ EPS ของบริษัท Levi Strauss จะมีตัวเลขอยู่ที่ $0.3736 และมีตัวเลขกำไรอยู่ที่ $1,480 ล้านเหรียญสหรัฐSTZ Daily

ภาพการวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้น Constellation Brands แสดงให้เห็นราคาที่วิ่งอยู่ในจุดต่ำสุดก่อนการรายงานผลประกอบการ แม้จะมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นมาได้ แต่อย่าลืมว่าการปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ และวิ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย นั่นคือสัญญาณของแนวโน้มขาลงLEVI Daily

ความนิยมที่มีต่อการเกงยีนส์ของผู้คนยังคงไม่เสื่อมคลาย ยิ่งการได้กลับไปทำงานที่บ้านมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นทางการมากนักยิ่งทำให้กางเกงยีนส์ขายดีขึ้นเรื่อยๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้หุ้นของลีวายปรับตัวขึ้น 

แต่ลักษณะการวิ่งของกราฟนั้นแตกต่างออกไปจากยอดขายของบริษัทโดยสิ้นเชิง เราเห็นการฟอร์มตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมขาลง และการปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน สัญญาณเหล่านี้มีความเสี่ยงว่าหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงได้ในอนาคตอันใกล้ จุดตัดสินว่าจะกลายเป็นขาลงจริงหรือไม่นั้นอยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า $24

ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหารสหรัฐฯ “Conagra” (NYSE:CAG) พึ่งจะประกาศแผนปรับเพิ่มการปันผลรายไตรมาสในวันที่ 1 ธันวาคมปี 2021 เชื่อว่าข่าวดีนี้จะส่งผลต่อการรายงานผลประกอบหารที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีตัวเลขการปันผลกำรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.48 และมีตัวเลขกำไรในไตรมาสนี้อยู่ที่ $2,520 ล้านเหรียญสหรัฐCAG Weekly TTM

หุ้นของ Conagra ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 100 สัปดาห์ ตอนนี้กราฟกำลังทดสอบเส้นแนวรับ 200 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นแนวต้านหลักนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2020

แม้ว่าจะมีรายงานผลประกอบการของบริษัทชื่อดัง แต่เราเชื่อว่าความสนใจของนักลงทุนจะหันไปอยู่ที่การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ การรายงานตัวเลขการจ้างงานครั้งนี้เชื่อว่าจะมีความสำคัญมากกว่าครั้งไหน เพราะตัวเลข NFP ประจำเดือนกันยายนอาจจะเป็นตัวตัดสินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเลื่อนหรือยอมลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) 

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)

วันจันทร์

02:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: ครั้งก่อนปรับตัวลดลง -1.7%

23:30 (ออสเตรเลีย) การประชุมดอกเบี้ยของธนาคารกลาง: คาดว่าจะคงเดิมอยู่ที่ 0.10%

 

วันอังคาร

04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการบริการ: คาดว่าจะคงที่ 54.1 จุด

10:00 (สหรัฐฯ) ดัชนี PMI ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตจาก ISM: คาดว่าจะลดลงจาก 61.7 เป็น 60.0 จุด

21:00 (นิวซีแลนด์) การประชุมดอกเบี้ยของธนาคารกลาง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 0.25% เป็น 0.50%

 

วันพุธ

04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 55.2 จุดเป็น 55.0 จุด

08:15 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจากภาคเอกชน ADP: คาดว่าจะลดลงจาก 430K เป็น 374K

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: ตัวเลขของสัปดาห์ก่อนออกมาอยู่ที่ 4.578 ล้านบาร์เรล

 

วันพฤหัสบดี

07:30 (ยูโรโซน) การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก362K เป็น 350K

10:00 (แคนาดา) ดัชนี PMI จาก IVEY: ตัวเลขในเดือนสิงหาคมออกมาอยู่ที่ 63.8 จุด

 

วันศุกร์

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขอัตราการว่างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 5.21% เป็น 5.1%

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขอัตราการจ้างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 90.2K เป็น 60.0K

หมายเหตุ: ตลาดหุ้นจีนปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย