ถึงแม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้จะเพิ่มขึ้นลดลง แต่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทุกตัว ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้น 0.3% ซึ่งถือว่าลดลงจากตัวเลข 0.5% ของเดือนกรกฎาคม ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศตัวเลขดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักก็ได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว เพียงแต่ตัวเลขที่ออกมานั้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
เมื่อคืนนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานปรับตัวขึ้นเพียง 0.1% ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่เทียบแบบปีต่อปีปรับตัวลดลงมาจาก 4.3% เป็น 4% ผลลัพธ์คือดัชนีราคาผู้บริโภคที่รวมต้นทุนจากราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ การที่รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคออกมาเช่นนี้ทำให้คำพูดของประธานเฟดนายเจอโรม พาวเวลล์ที่ชอบย้ำอยู่เสมอว่า “เงินเฟ้อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว” ดูมีน้ำหนักขึ้น และทำให้ในการประชุมสัปดาห์หน้า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะตัดสินใจข้ามการลดวงเงินเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์จากรัฐบาลไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ (และก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลข CPI) ธนาคารกลางสหรัฐถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE จากคนนอกและคนในมาโดยตลอด การที่ตัวเลขการจ้างงานฯ และดัชนีราคาผู้บริโภคออกมาเป็นเช่นนี้อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจรอดูสถานการณ์ไปก่อน และอาจจะตัดสินใจลดวงเงินฯ ใหม่อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์คือสัญญาณที่บ่งบอกว่านักลงทุนกำลังเตรียมตั้งรับกับขาลงที่กำลังจะมาถึง แม้ว่าจะมีรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกรออยู่ แต่เพราะนักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่ามีโอกาสที่ตัวเลขดังกล่าวจะหดตัวเป็นครั้งที่สามในรอบสี่เดือนล่าสุด จึงทำให้ดอลลาร์ในช่วงนี้มีโอกาสอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน สวิสฟรังก์ ยูโรและปอนด์
ช่วงเวลาแห่งการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่จบ เพราะวันนี้นักลงทุนจะต้องจับตาดูการรายงานตัวเลข CPI ของสหราชอาณาจักรและแคนาดากันต่อ สถานการณ์ของทั้งสองประเทศนั้นไม่เหมือนกันกับสหรัฐอเมริกา ดัชนี PMI ของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่าการเติบโตในภาคการผลิตและบริการยังแข็งแกร่ง ส่วนแคนาดา ภาวะเงินเฟ้อในประเทศกำลังอยู่ในช่วงเริ่มทำให้ภาคการผลิตชะลอตัวลง
สกุลเงินปอนด์เมื่อวานนี้แม้จะมีการวิ่งที่รุนแรงในช่วงที่ CPI สหรัฐฯ ออกมา แต่ท้ายที่สุดแล้วราคาก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหนมากนัก และก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นเพราะตัวเลขในภาคแรงงานออกมาดีกว่าคาดการณ์เล็กน้อย จำนวนงานที่เปิดรับคนใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนมิถุนายนเล็กน้อย ในขณะที่อัตราการว่างงานก็มีการปรับตัวลดลง แต่เพราะตอนนี้ยังถือว่าเป็นช่วงลาพักร้อนจากการทำงานของชาวสหราชอาณาจักร จึงบอกได้ยากว่าสภาพตลาดแรงงานที่แท้จริงในตอนนี้มีลักษณะเป็นเช่นไร
สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาเกิดการผันผวนเป็นอย่างมากในช่วงที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการ กราฟ USD/CAD ร่วงลงไปยัง 1.2600 หลังจากรายงานตัวเลข CPI ออกมา แต่หลังจากนั้นกราฟก็ดีดตัวกลับขึ้นได้อย่างทันควันเพราะราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หากตัวเลขเงินเฟ้อของแคนาดาลดลงอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ กราฟ USD/CAD ซึ่งตอนนี้วิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์มีโอกาสหลุดกรอบไปในทิศทางขาขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่า แต่สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาก็ยังอ่อนไหวได้ง่ายกับข่าวที่เกิดขึ้นกับดอลลาร์สหรัฐ
คู่สกุลเงินยูโรเทียบดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลข CPI สหรัฐฯ แต่ก็ไม่สามารถรักษาขาขึ้นระยะสั้นนั้นเอาไว้ได้ สกุลเงินยูโรยังคงอ่อนไหวกับการประกาศนโยบายการเงินครั้งล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป ข้ามไปที่ฝั่งเอเชีย สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็มีพฤติกรรมที่คล้ายๆ กันกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ทั้งสองประเทศยังต้องแบกรับความเสี่ยงจากภาวะโควิดภายในประเทศของตนเอง รัฐควีนส์แลนด์ยังคงอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ และยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เมื่อคืนนี้นายฟิลิป โลว์อี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่าธนาคารกลางฯ ยังยืนยันที่จะดำเนินตามแผนลดวงเงิน QE ต่อไป แต่สำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นคาดว่าอาจจะต้องรอไปจนถึงปี 2024 รายงานตัวเลขตลาดแรงงานของออสเตรเลียสัปดาห์นี้จะแสดงให้เห็นผลกระทบของการล็อกดาวน์ที่มีต่อภาคแรงงาน แต่โลวอี้ก็เชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
การล็อกดาวน์ของนิวซีแลนด์ส่งผลให้รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ไม่ได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อมากเท่าไหร่ เพราะราคาเงินเฟ้อในอาหารของเดือนสิงหาคมปรับตัวลดลงจาก 2.8% เป็น 2.4% เป็นที่ทราบกันดีว่าสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ถือเป็นอีกสกุลเงินที่มีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงเป็นอย่างมาก และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ถึงไม่ได้ขยับตัวไปในทิศทางใด ทั้งๆ ที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า