ความกังวลในตลาดลงทุนกลับมาเป็นตัวแปรสำคัญอีกครั้งหลังจากสัปดาห์ที่แล้วตลาดได้เห็นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เรียกได้ว่ายับเยินที่สุดในรอบเจ็ดเดือนล่าสุด การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง ประกอบกับยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ยิ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
การที่ตัวเลขการจ้างงานที่ขยับขึ้นเพียงเท่านี้ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเลื่อนระยะเวลาการเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไป ก่อนหน้านี้เกินกว่า 90% ของตลาดเชื่อว่าเฟดจะต้องประกาศลด QE ภายในการประชุมสิ้นเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน
การหดตัวของตัวเลขการจ้างงานทำให้ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ผันผวนก่อนวันนี้ที่จะมีวันหยุดเนื่องจากเป็นวันแรงงานสหรัฐฯ ดัชนีแนสแด็กปรับตัวขึ้น เอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้นเล็กน้อย ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดด้วยการปรับตัวลดลง 75 จุด กลุ่มหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในสัปดาห์ที่แล้วคือ REIT, สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าจำเป็นและเฮลท์แคร์
1. GameStop
บริษัทจำหน่ายเกมขนาดใหญ่ของอเมริกาที่เคยเป็นข่าวโด่งดังจากการรวมพลังใจเพื่อปั้นหุ้น “เกมสต็อป” (NYSE:GME) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองในวันพุธที่ 8 กันยายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของเกมสต็อปจะออกมาอยู่ที่ $0.66 ในขณะที่ตัวเลขรายได้ของไตรมาสนี้จะออกมาอยู่ที่ $1,120 ล้านเหรียญสหรัฐ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เกมสต็อปจะไม่ได้เป็นข่าวโด่งดังอย่างในช่วงก่อน แต่สถานการณ์ล่าสุดของบริษัทก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นตามลำดับ บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถลดภาระหนี้ลงได้ด้วย ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นของเกมสต็อปสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ พวกเขากำลังอยู่บนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากร้านเกมที่ขายออฟไลน์ กลายมาเป็นการขายออนไลน์มากขึ้น
“เรากำลังพยายามสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีรีเทลคนไหนเคยทำมาก่อน เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน และตอนนี้การพัฒนาของบริษัทก็เป็นเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ ที่มีจุดมุ่งหมายในการต่อทุกๆ วัน” นายไรอัน โคเฮ็น CEO ของเกมสต็อปคนปัจจุบัน และอดีต CEO ของชิวอี้ (NYSE:CHWY) กล่าว
ผลงานล่าสุดของหุ้นเกมสต็อปในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากกว่า 20% มีราคาปิดอยู่ที่ $202.75 ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นเกมสต็อปเคยผันผวนมากที่สุด 2,500% เชื่อว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าความผันผวนนั้นมาจากสาเหตุอะไร
2. Match Group
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของแพลตฟอร์มสำหรับคนหาคู่ “แมทช์กรุ๊ป” (NASDAQ:MTCH) ปรับตัวขึ้นมากกว่า 11% และความแข็งแกร่งของขาขึ้นนั้นคาดว่าจะยังส่งผลต่อเนื่องมายังสัปดาห์นี้ สาเหตุที่เรามั่นใจเช่นนั้นเพราะมีรายงานระบุว่าหุ้นของบริษัทแมทช์กรุ๊ปกำลังจะได้ถูกลิสต์ขึ้นดัชนีเอสแอนด์พี 500 ภายในการปรับหุ้นเข้า-ออกดัชนีในวันที่ 20 กันยายน
จากการประกาศของดัชนีดาวโจนส์เอสแอนด์พีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระบุว่าแมทช์กรุ๊ปจะได้ขึ้นไปอยู่บนดัชนีเอสแอนด์พี 500 แทนที่บริษัทเฮลท์แคร์ “เพอร์ริโก” (NYSE:PRGO) ที่จะต้องถูกลดลำดับลงไปอยู่ในดัชนีระดับกลางอย่าง เอสแอนด์พี 400 แทน
ในเดือนกรกฎาคมปี 2020 บริษัทแมทช์กรุ๊ปตัดสินใจแยกตัวออกมาจากบริษัท “อินเตอร์แอคทีฟคอร์ป” (NASDAQ:IAC) มาตั้งเป็นบริษัทของตัวเอง ในปัจจุบันแมทช์กรุ๊ปยังเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดังมาหมายได้แก่ Hinge, Tinder และ OKCupid ตั้งแต่ยกตัวออกมา หุ้นของบริษัทแมทช์กรุ๊ปก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 50% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $148.19 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดมากกว่า $40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. Kroger
ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา “โครเกอร์” (NYSE:KR) จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันศุกร์ที่ 10 กันยายนหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่าในไตรมาสนี้โครเกอร์จะสามารถทำกำไรได้ $30,560 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.6281
ในการรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนมิถุนายน โครเกอร์ระบุว่ายอดขายจากร้านค้าออฟไลน์ (ที่ไม่รวมตลาดพลังงาน) ของบริษัทลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมิน เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปพึ่งพากับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับยอดขายของปี 2019 ในช่วงเวลาเดียวกัน (รวมตลาดพลังงาน) พบว่าเติบโตขึ้น 10.9%
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคยังทำให้สินค้าบางประเภทอย่างเช่นเนื้อสด ผักสด และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ยอดขายจากร้านค้าออฟไลน์ที่ลดลง ไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นโครเกอร์สั่นสะเทือนแต่อย่างใด ในปีนี้หุ้นโครเกอร์กลับยังสามารถปรับตัวขึ้นได้มากถึง 50% เป็นอานิสงส์มาจากเทรนด์รักสุขภาพ และการเข้าร่วมแคมป์เปญต้านโควิดกับทางภาครัฐ
โครเกอร์ให้ภาครัฐได้ยืมพื้นที่บางส่วนในตัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นจุดฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 นอกจากจะเป็นการให้ความร่วมมือกับรัฐเป็นอย่างดี ยังทำให้ผู้บริโภคที่มาฉีดวัคซีนในสาขาของโครเกอร์ ต้องกลับมาที่นี่ซ้ำอีกรอบเพื่อรับวัคซีนโดสที่สอง ข้อมูลที่บันทึกมาจนถึงวันที่ 30 มกราคมระบุว่ายอดขายในปีที่แล้วของโครเกอร์สูงถึง $132,500 ล้านเหรียญสหรัฐ