นักลงทุนในตลาดสามารถเบาใจไปได้อีกครั้ง หลังมั่นใจว่าผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แจ็คสัน โฮลจะไม่ขัดขวางปาร์ตี้ขาขึ้นแน่นอน (แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ) ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดเดือนมีนาคมปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขานรับข่าวดีนี้ด้วยการปรับตัวสูงขึ้นในตลาดซื้อขายเมื่อวันศุกร์
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางได้สรุปผลการประชุมใหญ่ในรอบหนึ่งปีครั้งนี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเร็ววันนี้แน่นอน แต่ความเป็นไปได้ที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม เขาได้ย้ำว่าการปรับลด QE ไม่ได้หมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หลังการประชุมจบลง นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่าขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เหลือเวลาอีกไม่มาก ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นในตอนนี้จะยังปรับตัวขึ้นต่อ แต่แรงส่งจะมีไม่มากเหมือนแต่ก่อน เนื่องจากนักลงทุนจะใช้ความระมัดระมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าหุ้นของสามบริษัทที่เราจะนำเสนอในวันนี้ จะยังได้รับอานิสงส์ข่าวดีของผลการประชุม และปรับตัวขึ้นได้หลังรายงานผลประกอบการ
1. Zoom Video
บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ชื่อดัง “ซูม” (NASDAQ:ZM) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองแบบปีบัญชีของปี 2022 ในวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่าไตรมาสนี้ซูมจะสามารถทำกำไรได้ $991.21 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.16
ในช่วงเวลาที่โลกต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด แพลตฟอร์มสำหรับการประชุมออนไลน์แห่งนี้สร้างกำไรอย่างมหาศาลจากสถานการณ์ที่ผู้คนไม่สามารถออกนอกบ้านไปทำงานได้ตามปกติ รายงานตัวเลขผลประกอบการของซูมสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้หมดทุกไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน และบริษัทซูมยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาสถิตินี้ต่อไปได้เรื่อยๆ
ในปี 2020 ราคาหุ้นของบริษัทซูมสามารถเติบโตได้มากถึง 400% แต่เพราะสถานการณ์ในปีนี้ที่ผ่อนคลายลงแล้ว ทำให้ขาขึ้นของหุ้นซูมไม่โดดเด่นเหมือนอย่างปีก่อน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นซูมวิ่งอยู่ที่ $340.81 ในเดือนมิถุนายน บริษัทซูมยังคาดการณ์ว่ายอดขายของพวกเขายังสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ถึงแม้จะมีคู่แข่งมากขึ้น และสถานการณ์ในประเทศที่พัฒนาแล้วดูจะคลี่คลายลง
2. Broadcom
บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอรยักษ์ใหญ่บรอดคอม (NASDAQ:AVGO) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่าไตรมาสนี้บรอดคอมจะสามารถทำกำไรได้ $6,760 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลอยู่ที่ $6.88
สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือแผนการควบรวมกิจกรรมและสินทรัพย์ของบริษัทซอฟต์แวร์ ที่ CEO ฮอค แทน เป็นคนคิดจะสามารถเพิ่มกำไรให้กับบริษัทได้หรือไม่ ในเดือนมิถุนายน บรอดคอมประเมินยอดขายรายไตรมาสของบริษัทว่ายังสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้ ตราบใดที่ความต้องการชิปประมวลผลในโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ยังเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 12 เดือนล่าสุด หุ้นบรอดคอมปรับตัวขึ้นมาแล้ว 44% และในปีนี้ปรับตัวขึ้นมา 11% ล่าสุดหุ้นบอร์ดคอมมีราคาปิดอยู่ที่ $495.94
3. DocuSign
บริษัทเจ้าของระบบจัดการลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Signature ที่สามารถระบุตัวตน ผู้ทำธุรกรรมกับเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดคูไซน์ (NASDAQ:DOCU) จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสนี้โดคูไซน์จะสามารถรายงานผลกำไรได้ $488.71 ล้านเหรียญ และตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.40
การที่ผู้คนเปลี่ยนวิถีชีวิตการทำงานจากการเดินทางไปออฟฟิศเปลี่ยนมาเป็นการนั่งทำงานอยู่บ้าน ทำให้การใช้งานซอฟต์แวร์ดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซ็นลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลนั้นๆ ซึ่งไม่สามารถเดินทางมาเซ็นเอกสารแบบตัวต่อตัวกันได้อีก นวัตกรรมของโดคูไซน์ได้รับการยกย่องให้เป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุดในปี 2020 เช่นเดียวกับวิดีโอคอลของซูม และการผลิตวัคซีนต้านโควิดของบริษัทโมเดิร์นนา (NASDAQ:MRNA)
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของโดคูไซน์มีราคาอยู่ที่ $300.76 ตลอดทั้งปี 2021 ปรับตัวขึ้นมา 35% แดน สปริงเจอร์ CEO ของโดคูไซน์เชื่อมั่นว่าธุรกิจของเขายังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก และมีโอกาสทำกำไรได้อีกอย่างน้อย $50,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต