เป็นที่ทราบกันดีว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันขาดน้ำได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของโลกทำให้ทรัพย์ยากรน้ำที่มนุษย์สามารถบริโภคได้จริงๆ มีจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นการจะสร้างระบบน้ำที่ดีจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เองที่ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทไม่สามารถมองข้ามการลงทุนในทรัพยากรประเภทนี้ได้
ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการบริหารและการพัฒนาน้ำของโลก (UNWWD) ในปี 2021 รายงานเกี่ยวกับความสำคัญของน้ำเอาไว้ว่า
“ปัจจุบันโลกเราพึ่งพาน้ำในการทำเกษตร 69% ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้ใช้น้ำไปกับการเพาะปลูกและการทำปศุสัตว์ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว สัดส่วนดังกล่าวสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 95% อย่างไรก็ตาม ในปี 2030 ประมาณ 40% ของโลกจะประสบปัญหาน้ำขาดแคลนและอาจจะก่อให้เกิดธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำมากขึ้น”
ด้วยสาเหตุนี้นักลงทุนในตลาดจึงได้พยายามหาลู่ทางการลงทุนในทรัพยากรน้ำมากขึ้น และการลงทุนในบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำโดยเฉพาะถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในกองทุน ETF ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังอยู่ในระหว่างการเสนอแผนปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงทรัพยากรน้ำด้วย
ก่อนหน้านี้ เราเคยทำบทความแนะนำกองทุน ETF ที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำไปแล้ว ซึ่งกองทุนนั้นมีชื่อว่า Invesco Water Resources ETF (NASDAQ:PHO) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ระดับราคาหุ้นของกองทุนนั้นปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 24% เทียบกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้นมา 18.3% ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำกองทุน ETF ที่ลงทุนเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำกันต่อ
1.) First Trust Water ETF
ระดับราคาปัจจุบัน: $89.27
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $57.59 - $89.55
เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.42%
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.54% ต่อปี
กองทุน ETF First Trust Water (NYSE:FIW) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่สร้างกำไรจากเครื่องดื่มและเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญอยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการผลิตน้ำ กองทุนนี้เริ่มต้นให้เทรดในเดือนพฤษภาคมปี 2020 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $1,230 ล้านเหรียญสหรัฐ
FIW เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาตามดัชนี ISE Clean Edge Water Index ปัจจุบันถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งหมด 36 ตัว หากแบ่งเป็นสัดส่วนจะพบว่ากองทุนนี้คือครองหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม 56.85% สาธารณูปโภค 20.35% และเฮลท์แคร์ 13.18% หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็นสัดส่วนน้ำหนัก 42% ของกองทุนทั้งหมด และหุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Danaher (NYSE:DHR) Pentair (NYSE:PNR) Agilent Technologies (NYSE:A) American Water Works (NYSE:AWK) และ IDEXX Laboratories (NASDAQ:IDXX)
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ระดับราคาหุ้นของกองทุนนั้นปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 23% พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 33.63 และ 4.42 ตามลำดับ หากต้องการจุดเข้าที่ดี ควรรอให้กองทุนปรับตัวลดลงมาที่ระดับราคา $85 ก่อนเพื่อความปลอดภัย
2.) Invesco S&P Global Water Index ETF
ระดับราคาปัจจุบัน: $58.75
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $39.81 - $59.08
เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.33%
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.57% ต่อปี
กองทุน ETF Invesco S&P Global Water Index (NYSE:CGW) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง โรงงานแปรรูปวัตถุดิบ และแน่นอนว่าต้องรวมถึงน้ำด้วย กองทุนนี้เปิดให้เริ่มลงทุนมาตั้งแต่ปี 2007 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้นมากถึง $1,150 ล้านเหรียญสหรัฐ
CGW เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาตามดัชนี S&P Global Water Index ปัจจุบันถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งหมด 58 ตัว กระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นกลุ่มต่างๆ ได้แก่กลุ่มอุตสาหกรรม 48.51% กลุ่มสาธารณูปโภค 42.12% และเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร 6.45%
หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็นสัดส่วนน้ำหนัก 57% ของกองทุนทั้งหมด 55% ของหุ้นที่กองทุนนี้ถือครองเป็นบริษัทในสหรัฐอเมริกาเกือบ 55% สหราชอาณาจักร 14.91% ฝรั่งเศส 9.23% สวิตเซอร์แลนด์ 8.1% และประเทศจีน 2.61% หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Xylem (NYSE:XYL) Veolia Environnement (OTC:VEOEY) Geberit (OTC:GBERY) และ Severn Trent (OTC:STRNY)
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ระดับราคาหุ้นของกองทุนนั้นปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 25% ในขณะที่ปีที่แล้วเคยทำขาขึ้นได้ 44% เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา CGW พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ไป CGW มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 23.58 และ 3.56 ตามลำดับ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและถือยาว เราแนะนำให้รอเข้าที่ระดับราคา $55 หรือต่ำกว่านั้น