หลังจากที่อุตสาหกรรมผู้ผลิตน้ำมันในปีที่แล้วได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ดูเหมือนว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เริ่มจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่นเอ็กซอน โมบิล (NYSE:XOM) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐฯ เจ้าของปั้มน้ำมัน “เอสโซ่” (Esso) ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ เอ็กซอน โมบิลสามารถทำกำไรได้สูงที่สุดในรอบหลายปีเพราะการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ทางเคมี ในไตรมาสที่ 2 บริษัทเอ็กซอน โมบิล มีรายได้รวมแล้วคิดเป็น $67,740 ล้านเหรียญสหรัฐ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.10
การฟื้นตัวกลับมาได้ของบริษัทเอ็กซอน โมบิลรอบนี้ทำให้การปันผล 6% กลายเป็นตัวเลขที่ดึงดูดนักลงทุนสายเน้นหุ้นที่มีประสิทธิภาพในการปันผลระยะยาว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ นักลงทุนควรที่จะทราบก่อนว่าในช่วงสองปีล่าสุด บริษัทเอ็กซอน โมบิลได้เปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานไปพอสมควร และสิ่งที่บริษัทกำลังให้ความสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่การหมุนเงินสดเพื่อมามอบให้กับนักลงทุนเหมือนแต่ก่อน
แม้หน้าฉากตอนนี้เหมือนว่าเอ็กซอนจะฟื้นตัวกลับมาได้ แต่อันที่จริงแล้วบาดแผลที่พวกเขาได้รับในช่วงสองปีล่าสุดที่มีวิกฤตโรคระบาดนั้นเป็นแผลที่ยังต้องใช้เวลารักษาอีกนานพอสมควร ในช่วงที่มีการระบาด เอ็กซอนโมบิลเสียเงินไปเกือบ $28,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งยังได้ไปกู้เงินมาในจำนวนมหาศาลเพื่อทำให้ตัวเองสามารถอยู่รอดบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 และมีเงินปันผลคืนให้กับนักลงทุนทุกไตรมาส แม้ว่ากำไรของบริษัทจะติดลบก็ตาม
ในปีทีแล้ว เอ็กซอน โมบิลยอมลดค่าใช้จ่ายของตัวเองลงในแทบทุกด้าน ยอมปล่อยพนักงานมากกว่า 14,000 คนออกไป ยิ่งไปกว่านั้น นายดาร์เรน วูดส์ CEO ของบริษัทยังจำเป็นต้องเปลี่ยนบอร์ดบริหารที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนตัวเองออกหนึ่งคน แล้วนำเอาบอร์ดบริหารที่มีแนวทางอนุรักษ์โลกร้อนเข้ามานั่งแทนที่ ตามนโยบายพลังงานสะอาดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
เอ็กซอน โมบิลกับความพยายามฟื้นฟูงบการเงิน
จากความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้จึงไม่มีสิ่งใดสำคัญสำหรับเอ็กซอน โมบิลไปมากกว่าการปรับปรุงงบการเงินของบริษัทตัวเอง ในปี 2020 จำนวนหนี้สุทธิที่บริษัทมีกระโดดเพิ่มขึ้นไป 40% คิดเป็นวงเงิน $68,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มีแผนที่จะเพิ่มเงินปันผลต่อหุ้นรายไตรมาสจาก $0.87 ขึ้นอีก
หากย้อนกลับมาที่คำถามว่าเงินปันผล 6% ของเอ็กซอน โมบิล ตอนนี้คุ้มค่าหรือไม่? ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าแล้วแต่ผู้คนจะมอง แต่สำหรับเราสถานการณ์การลงทุนในเอ็กซอน โมบิล ตอนนี้ “ปลอดภัย” มากกว่าปีที่แล้วในระดับหนึ่ง กำไรที่บริษัททำได้ในไตรมาสนี้ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสด $9,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทก็ได้กล่าวว่าจำนวนกระแสเงินสดที่มีอยู่ตอนนี้เพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผล และลดภาระหนี้บางส่วนลงได้
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากธนาคารซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์ของบริษัทเอ็กซอน โมบิลกำลังเติบโตได้เป็นอย่างดี ปกติแล้วธุรกิจนี้ไม่ได้ทำกำไรให้กับเอ็กซอน โมบิลอย่างโดดเด่น แต่เพราะการระบาดทำให้ธุรกิจเคมีภัณฑ์หลายแห่งต้องปิดตัวลง ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้น เมื่อลูกค้าไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงได้หันมาซื้อเคมีภัณฑ์จากเอ็กซอน โมบิล
ด้วยแรงสนับสนุนนี้จึงทำให้แบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับหุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิล ขึ้นเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ พร้อมกับให้เหตุผลว่า
“หากบริษัทยังสามารถสร้างกระแสเงินสดเช่นนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ เราเชื่อว่าหุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิลจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งมากกว่าในตอนนี้ และนั่นจะทำให้อัตราเงินปันผลของบริษัทเติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนั้นก่อนสิ้นปี 2021”
โดยสรุปแล้ว
แม้ว่าตัวเลขเงินปันผล 6% จะเป็นตัวเลขที่น่าดึงดูด แต่บริษัทเอ็กซอน โมบิลก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่พอสมควรไม่ว่าจะเป็นอุปสงค์ในตลาดพลังงานที่ยังไม่สามารถถามหาความแน่นอนได้เพราะการระบาดของโควิดเดลตา นโยบายพลังงานใหม่ และผู้ถือหุ้นที่เป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า 12 เดือนในตอนนี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 13 เท่า ราคาหุ้นของบริษัทในตอนนี้ถือว่าอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี