ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปีการวิ่งของราคาหุ้นเอเอ็มดี (NASDAQ:AMD) บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ขวัญใจเหล่าเกมเมอร์จะเชื่องช้าไปบ้าง แต่ในระยะหลัง (นับตั้งแต่ช่วงไตรมาสก่อน) ดูเหมือนว่าหุ้นบริษัทจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขาขึ้น 45% ในช่วงนี้ทำให้หุ้นเอเอ็มดีสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า{40034|ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดเฟีย}}เสียอีก
หากนำผลงานในรอบห้าปีล่าสุดของหุ้นเอเอ็มดีมารวมกัน ก็ต้องพบกับข้อมูลที่น่าตกใจว่าหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปฯ ค่ายแดงนี้ปรับตัวขึ้นมารวมแล้วมากถึง 1,500% เกิดเป็นคำถามที่ว่าขาขึ้นครั้งนี้จะสามารถขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหน?
ในความเห็นของเรา เอเอ็มดีและวงการเซมิคอนดักเตอร์ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมากในช่วงปี 2021 ที่เหลือ โดยที่เรามีเหตุผลสนับสนุนหลักสามข้อด้วยกัน มีอะไรบ้าง? ในบทความนี้เราจะพาไปดู
1. ความต้องการชิปจาก AMD ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยแรกที่เราเชื่อว่าเป็นแรงผลักดันราคาหุ้นของเอเอ็มดีคือการถดถอยของคู่แข่งคนสำคัญอย่างบริษัทอินเทล (NASDAQ:INTC) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทเอเอ็มดีสามารถพัฒนาเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ของตนให้สามารถเอาชนะอินเทลที่ตามหลังมานานได้สำเร็จ หนึ่งในกลยุทธ์ความสำเร็จของพวกเขาคือการเป็นพันธมิตรกับบริษัท “ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์” (NYSE:TSM) ที่เป็นโรงงานผลิตชิปประมวลผลแนวหน้าของโลก และเป็นผู้ส่งออกไปทั่วโลก
กลยุทธ์การยืมมือของบุคคลภายนอกมาช่วยในกระบวนการผลิตทำให้เอเอ็มดีมีกำลังคนไปลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์มากกว่า ในขณะที่อินเทลยังมีปัญหาในกระบวนการผลิต ในปีนี้เอเอ็มดีก็มีแผนที่จะเปิดตัวชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่นาม “EPYC 7003” ที่เหล่าเกมเมอร์เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าวงการเกมอีกครั้ง
จุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งที่ทำให้เอเอ็มดีได้เปรียบอินเทลในตอนนี้คือการที่บริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) และโซนี่ (NYSE:SONY) เปลี่ยนการใช้ชิปประมวลผลจากอินเทลมาเป็นเอเอ็มดีครั้งแรกในเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นล่าสุดของพวกเขา “XBox” และ “PS5” ทั้งๆ ที่ตอนนี้เครื่องเล่นทั้งสองยังขาดตลาดอยู่ แต่ความต้องการเครื่องเล่นเกมทั้งสองตัวนี้กลับไม่เคยตกลงเลย ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการชิปจากเอเอ็มดีจะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต
อีกหนึ่งความสำเร็จที่จะยิ่งทำให้เอเอ็มดีเติบโตขึ้นอีกคือธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์ ในเดือนมิถุนายนบริษัทอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) เจ้าของเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อดังกูเกิลได้ยื่นข้อเสนอให้กับเอเอ็มดีเป็นผู้ทำชิปฯ สำหรับศูนย์กลางข้อมูลที่กำลังจะอัปเกรดใหม่ของพวกเขา นอกจากกูเกิลแล้ว ยักษ์ใหญ่ผู้บุกเบิกวงการคลาวด์อย่างอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) ก็ให้ความสนใจกับชิปเอเอ็มดีด้วยเช่นกัน
2. กำไรบริษัทเติบโตต่อเนื่องและจะดำเนินต่อไปในอนาคต
ความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่องในหัวข้อที่หนึ่ง ได้สะท้อนออกมาผ่านรายงานผลประกอบการที่เติบโตขึ้นของบริษัทเอเอ็มดี ในไตรมาสที่สองเอเอ็มดีมีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า คิดเป็นจำนวนเงิน $710 ล้านเหรียญสหรัฐ สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น 99% เป็น $38,000 ล้านชิ้น ผลิตภัณฑ์ที่ทำผลงานยอดขายได้สูงที่สุดคือ Ryzen และ Radeon
สำหรับไตรมาสที่สาม เอเอ็มดีคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ $4,100 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้บริษัทได้ปรับภาพรวมรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้นอีก 60% จากครั้งก่อนที่คาดการณ์เอาไว้ที่ 50%
กำไรที่เพิ่มขึ้นจากข้อมูลเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดของเอเอ็มดีที่จงใจเน้นยอดขายและการผลิตชิปฯ ในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ลิซ่า ซู CEO ของบริษัทพูดถึงประเด็นนี้ในเดือนที่แล้วว่า
“กลยุทธ์ของบริษัทเอเอ็มดีในตอนนี้คือการมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์พีซีมากที่สุด เราเชื่อว่าธุรกิจการทำศูนย์กลางข้อมูลจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีหลัง 2021”
การมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ข้างบนลงมาสู่ข้างล่างทำให้เอเอ็มดีสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา การสร้างกระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้นเป็นอย่างมาก กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1.07 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 จาก 34 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 และการเป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้ผลิตชิปฯ อย่าง TSMC ในระยะยาว ยิ่งทำให้เอเอ็มดีไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสายพานการผลิต แม้ว่าจะต้องล่าช้าออกไปบ้างจากผลกระทบโควิด-19
3. นักวิเคราะห์ต่างฟันธงให้ AMD อยู่ในขาขึ้น
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้อย่างที่ในบทความนี้ได้นำเสนอไปทำให้นักวิเคราะห์หลายคนหันมาประเมินหุ้นเอเอ็มดีให้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น นักวิเคราะห์ 38 จาก 23 คนของ Investing.com แนะนำให้ซื้อหุ้นเอเอ็มดี ในขณะที่อีก 15 คนยังมีท่าทีที่เป็นกลาง
ที่มา: Investing.com
นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับเป้าหมายราคาหุ้นเอเอ็มดีขึ้นเป็น $120 โดยให้เหตุผลว่าเพราะการผลิตชิปที่ล่าช้าของอินเทล และดีลที่เอเอ็มดีพึ่งทำกับกูเกิลมีโอกาสที่จะทำให้บริษัทเติบโตในวงการศูนย์กลางข้อมูลในอนาคต
สำนักข่าว CNBC ให้ข้อมูลว่าหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นของเอเอ็มดีเติบโตมาจากความพยายามตีตลาดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ จนทำให้ตอนนี้ผู้เล่นในตลาดมีความต้องการชิปจากเอเอ็มดีเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในระยะเวลาหกเดือนล่าสุด และเพิ่มขึ้นห้าเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากเอเอ็มดีจะขยายอิทธิพลไปยังวงการคลาวด์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร
นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets ก็ได้ปรับเป้าหมายราคาหุ้นเอเอ็มดีขึ้นจาก $80 เป็น $110 การประมาณการรายได้สำหรับปี 2021 และ 2022 ตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่บริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมกราคม ในตอนแรก BMO คาดว่า "ขาขึ้นในช่วงแรกเป็นเพียงการ hype ของเหล่าสาวกเอเอ็มดี" โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ AMD เริ่มได้กระแสความต้องการ CPU และ GPU จากวงการศูนย์กลางข้อมูลตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงระดับองค์กร แต่เมื่อได้เห็นรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่หนึ่งและสอง จึงเชื่อว่าขาขึ้นรอบนี้เป็นของจริง
โดยสรุปแล้ว
มีเหตุผลมากมายที่หนุนให้ขาขึ้นของหุ้นเอเอ็มดีตอนนี้มีโอกาสเติบโตขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรายงานตัวเลขผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น การจัดการปัญหาด้านการผลิตล่วงหน้า และที่สำคัญที่สุดคือการถดถอยลงของคู่แข่งคนสำคัญอย่างบริษัทอินเทล