เหตุการณ์ช็อกโลกที่รัฐบาลอัฟกานิสถานยอมสยบให้กับกลุ่มตาลีบันทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากขึ้น ความวุ่นวายในกรุงคาบูลถือเป็นตัวเร่งที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงเพราะตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งปรับตัวลดลงมากกว่าเดิม เมื่อวานนี้อัตราผลตอบแทนฯ อายุ 10 ปีได้ปรับตัวลดลงไปวิ่งต่ำกว่า 1.23% หลังจากที่สามารถขึ้นยืนเหนือ 1.35% ได้ในสัปดาห์ที่แล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความสนใจของทุกคนในตอนนี้หันไปอยู่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่สั่งให้ทหารอเมริกาถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานหลังจากที่ปักหลักอยู่ในประเทศนี้มายาวนานกว่า 20 ปี การถกเถียงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง บางคนเห็นด้วยที่โจ ไบเดนไม่ตัดสินใจเอาชาวอเมริกันไปเสี่ยงในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็มองว่านี่คือความล้มเหลวของเขาที่พังแผนการขยายอิทธิพลของอเมริกาตลอด 20 ปีลง
เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าสั่นคลอนตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดนอยู่พอสมควร แม้กระทั่งคนที่สนับสนุนโจ ไบเดนยังพูดว่าการกระทำนี้ทำให้ผู้คนหันมาตั้งคำถามกับอเมริกาถึงบทบาทที่พวกเขามีต่อโลกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โจ ไบเดนก็ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“ที่ผ่านมาภารกิจตลอด 20 ปีของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานคือความพยายามก่อให้เกิดประชาธิปไตยภายในชาติ สหรัฐอเมริกาพยายามสนับสนุนให้ชาวอัฟกานิสถานยืนได้ด้วยประชาธิปไตยในรูปแบบที่เป็นของพวกเขาเป็นคนกำหนดเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือชาวอัฟกานิสถานกลับยอมให้กลุ่มตาลีบันเข้าไปยึดครองกรุงคาบูลอย่างง่ายดายโดยที่ไม่คิดจะลุกขึ้นสู้เลยด้วยซ้ำ”
นักวิจารณ์บางคนเป็นกังวลว่าการที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานจะทำให้ประเทศนั้นกลายเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้ก่อการร้ายอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาอย่างยิ่ง แต่โจ ไบเดนก็ได้ตอบคำถามในประเด็นนี้ว่าวอร์ชิงตันยังคงทำหน้าที่ต่อต้านผู้ก่อการร้ายทั่วโลกอย่างแข็งขัน รวมถึงในอัฟกานิสถานด้วยเช่นกัน
ในขณะที่โจ ไบเดนกำลังปราศรัยถึงเหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีก็ได้ปรับตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 1.27% แต่คำพูดของเขาเมื่อคืนนี้ไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นจากฝ่ายต่างๆ ได้มากเท่าไหร่ เพราะในแง่ของการลงทุน ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ส่งทหารไปยังอัฟกานิสถานมากกว่า 6,000 หน่วย กำลังกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากขึ้นคือการหดตัวของเศรษฐกิจจีน ข้อมูลตัวเลขการผลิตจากโรงงานและยอดค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมของประเทศจีนหดตัวลดลงเหลือ 6.4% และ 8.5% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าชาวจีนมีความกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศแล้วว่าจะเริ่มลดจำนวนการตีพิมพ์พันธบัตรภายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะเรียกว่าบังเอิญได้หรือไม่ที่ช่วงเวลาดังกล่าวเหมือนจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล
รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) อาจจะพอให้คำใบ้ถึงแนวทางของเฟดได้เล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปักใจเชื่อแล้วว่าการปรับลด QE จะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน เพราะสองสัปดาห์ก่อนประธานธนาคารกลางหลายสาขาได้ออกมาพูดในทำนองที่คล้ายกันว่าจะมีการลดวงเงินเกิดขึ้น มีเพียงระยะเวลาเท่านั้นที่ให้ข้อมูลแตกต่างกันออกไป ฝั่งที่เชื่อในกลไกเศรษฐศาสตร์บอกว่าการลดวงเงินจะประกาศภายในเดือนกันยายน และเริ่มลดในเดือนตุลาคม ส่วนฝั่งที่เชื่อในนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายก็บอกว่าอาจจะเริ่มต้นภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2021
ตลาดพันธบัตรยุโรปกับการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่กรุงคาบูล
เหตุการณ์ความวุ่นวายในอัฟกานิสถานส่งผลกระทบมายังตลาดลงทุนในยุโรปด้วยเช่นกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงไปยังระดับติดลบ 0.489% ก่อนที่จะวิ่งกลับขึ้นมายัง -0.467% และทำราคาปิดก่อนที่ตลาดลงทุนวันศุกร์จะปิดทำการที่ -0.468% จากข้อมูลตัวเลขดังกล่าว จะเห็นว่ามีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างต่ำเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในช่วงพักร้อน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีก็ปรับตัวอยู่ในกรอบราคาแคบๆ เช่นเดียวกัน เมื่อคืนนี้กราฟได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเอาไว้ที่ 0.597% และทำจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ 0.551% ก่อนที่จะปิดตลาดที่ราคา 0.575% ใกล้เคียงกันกับราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของประเทศแคนาดาได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งรอบเล็กในวันที่ 20 กันยายน โดยหวังว่าฝั่งเขาจะได้คะแนนนิยมในสภาเป็นอย่างดี หลังจากที่สามารถจัดการกับปัญหาโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับตลาดลงทุน การดำเนินการดังกล่าวถือว่ามีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพอยู่บ้าง จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแคนาดา อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงจาก 1.184% ในวันศุกร์ ลงไปยัง 1.167%