เหลือเวลาอีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นก่อนที่การประชุมประจำปีที่ใหญ่ที่สุด ณ แจ็คสันโฮล ไวโอมิ่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมาถึง ในตอนนี้ นักลงทุนยังคงทยอยเข้ามาถือครองดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าเฟดจะต้องประกาศลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) ในเดือนกันยายน แต่ก่อนที่จะไปถึงวันนั้น นักลงทุนค่อนข้างให้ึความสำคัญกับการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่เป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟดอยู่พอสมควร
อันที่จริงเราก็เข้าใจได้ว่าทำไมนักลงทุนถึงเชื่อมั่นว่าการประชุมในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้จะต้องได้ข้อสรุปออกมาเป็นการลด QE เพราะเมื่อมองไปยังปัจจัยแวดล้อม ไม่มีประเด็นไหนเลยที่เฟดควรจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป การจ้างงานยังไม่กลับมาใช่ไหม? ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นเป็น 943,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมคือคำตอบแล้ว กระแสการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจนช่วยดึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ฟื้นกลับมา ยิ่งถ้าคืนนี้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลง ก็จะหนุนความเป็นไปได้ในการปรับลด QE และทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น กราฟ USD/JPY จะได้โอกาสขึ้นต่อไปยัง 111 ส่วน EUR/USD ก็อาจได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1.16 จริงๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขดังกล่าวอาจจะเพิ่มขึ้นไม่ถึงตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เพราะตัวเลข CPI ที่ประกาศไปเมื่อเดือนก่อนหน้าขึ้นถึงจุดสูงสุดในรอบ 13 ปี จึงมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขในวันนี้อาจจะชะลอตัวลดลง ปัจจัยอื่นๆ ที่เคยสนับสนุนให้ CPI เติบโตก็ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วอย่างเช่นราคาไม้แปรรูป ที่เคยสร้างจุดสูงสุด $1,515 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แต่จากจุดสูงสุดนั้นตอนนี้ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 69% (รูปประกอบด้านล่าง)
นอกจากราคาไม้แปรรูป ราคารถมือสองก็ได้มีการปรับตัวลดลงมาแล้วเช่นกัน อ้างอิงข้อมูลจากดัชนีราคารถมือสองจากแมนไฮมม์ที่คำนวณข้อมูลจากชาวอเมริกันที่ทำการเปลี่ยนรถมือสองจำนวน 5 ล้านคน ระบุว่าราคารถมือสองในเดือนกรกฎาคมได้ปรับตัวลดลงมา 2.6% เมื่อเทียบราคาแบบเดือนต่อเดือน ถึงกระนั้นก็มีนักวิเคราะห์บางคนที่เชื่อว่าตัวเลข CPI อาจจะเพิ่มขึ้นจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 ที่ออกมาดี แต่การเติบโตของ CPI ในวันนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่โดดเด่นเหมือนเดือนที่แล้ว
คำถามที่ตามมาก็คือ ถ้าตัวเลข CPI ที่จะประกาศในวันนี้ลดลง เฟดจะยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปหรือไม่ และ CPI ในวันนี้จะส่งผลกระทบกับดอลลาร์สหรัฐขนาดไหน?
สำหรับคำถามนี้เราสามารถตอบได้แบบสั้นๆ ว่าที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ย้ำชัดอยู่แล้วว่าเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพียงภาวะชั่วคราว ถ้่า CPI ในวันนี้ชะลอตัวหรือลดลง เฟดจะมีข้ออ้างให้กับคำพูดของพวกเขาเองทันที แต่เราเชื่อว่าในสายตาของนักลงทุนจะไม่คิดเช่นนั้น และถ้า CPI ชะลอตัวลดลงไม่มาก พวกเขาก็ยังจะถือดอลลาร์สหรัฐต่อไป
กราฟยูโรเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้จากความผิดหวังที่มีต่อตัวเลขผลสำรวจภาพรวมทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งยุโรป (ZEW) แม้ตัวเลขที่ออกมาจะเพิ่มขึ้นจาก 21.9 ในเดือนที่แล้วขึ้นมาเป็น 29.3 จุด แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ 30.0 จุดได้ นี่ถือเป็นครั้งที่สามติดต่อกันแล้วที่ตัวเลขจาก ZEW ขึ้นไม่ถึงตัวเลขคาดการณ์ การหดตัวลงจาก 63.3 จุดลงมาอยู่ที่ 40.4 ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากกว่าที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ และตอนนี้นักลงทุนก็เริ่มกังวลกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาแล้วว่าอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมันหดตัว
สกุลเงินที่แข็งค่าได้มากที่สุดเมื่อคืนนี้กลับเป็นดอลลาร์ออสเตรเลีย แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ออกไปยังพื้นที่ชนบทนอกเมืองซิดนีย์เพราะกลัวว่าการระบาดระลอกนี้จะเกินควบคุม แต่สกุลเงินก็ยังแข็งค่าได้แม้จะมีประเด็นโควิด และความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจจะหดตัวลดลงอย่างรวดเร็ว