หลังจากการมาถึงของโควิด และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนที่มีรายได้เริ่มกลับมามองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนมากขึ้นว่าควรจะวางแผนจัดการพอร์ตรายได้ของตัวเองเช่นไร ก่อนหน้านี้มีหลายบริษัทที่เลือกใช้วิธีหั่นเงินปันผลเพื่อต่อสู้กับสภาพการเงินของบริษัทที่ย่ำแย่ ก่อนที่จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
สำนักข่าว CNBC ได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลที่เป็นการเก็บข้อมูลมาจากนักวิเคราะห์ดัชนี S&P Dow Jones Indices อาวุโสนายโฮเวิร์ด ซิลเวอร์แบลต์ ในข้อมูลดังกล่าวระบุว่าตัวเลขการจ่ายเงินปันผลในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว นอกจากนี้ค่าเฉลี่ยมาตรฐานของการปันผลในเดือนกรกฎาคมก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 11.1% เมื่อเทียบกับ 8.3% ของเดือนก่อนและ 6.3% ในเดือนกรกฎาคมปี 2020
นอกจากนี้ นายโฮเวิร์ดยังได้กล่าวอีกว่าหากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่องและอเมริกายังคงทำการกระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราการจ่ายเงินปันผลตลอดทั้งปี 2021 จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก 5% ซึ่งถือเป็นตัวเลขการปันผลแบบรายปีที่สูงที่สุดตั้งแต่เคยเก็บข้อมูลมาอีกด้วย หากข้อมูลนี้เป็นจริง เท่ากับว่าตอนนี้เรากำลังลงทุนอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้เงินปันผลสามารถเติบโตขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงได้เลือกหุ้นยักษ์ใหญ่มาสามตัวที่เชื่อว่าจะเหมาะสมกับพอร์ตเกษียณอายุของคุณผู้อ่าน
1. International Business Machines
“บิ๊กบลู” หรือชื่อเล่นของบริษัทไอบีเอ็ม (NYSE:IBM) ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่มีอายุบริษัทยาวถึง 109 ปีคือหุ้นตัวแรกที่เราอยากจะนำเสนอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้พยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทให้เข้าสู่การพึ่งพิงกับเทคโนโลยีคลาวด์มากขึ้น การที่หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การปันผลของบริษัทไอบีเอ็มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ
ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้พิสูจน์ออกมาเป็นตัวเลขเงินปันผล 4.5% ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนระยะยาว ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วไอบีเอ็มก็ได้ประกาศตัวเลขรายได้รายไตรมาสที่สูงสุดในรอบสามปี ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเทคโนโลยีคลาวด์ของไอบีเอ็มที่เพิ่มมากขึ้น ความสำเร็จดังกล่าวทำให้หุ้นไอบีเอ็มในปีนี้ปรับตัวขึ้นมา 14%
อาร์วิน คริชนา CEO คนปัจจุบันกำลังมองไปที่โปรเจคพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาคลาวด์ ก่อนหน้าที่จะเข้ามารับตำแหน่ง อาร์วินมีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำระบบคลาวด์แบบผสมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรสามารถเก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์สาธารณะที่ไม่มีความจำเป็นต้องแยกเซิฟเวอร์ออกจากกันได้
ล่าสุดราคาหุ้นของไอบีเอ็มมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $144.09 มีการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.66 ต่อหุ้น ในความเห็นของเรา หุ้นไอบีเอ็มในตอนนี้ดูมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าหลังจากที่เปลี่ยนวิสัยทัศน์มาเป็นการลงทุนในธุรกิจคลาวด์มากขึ้น แทนที่จะเน้นขายฮาร์ดแวร์อย่างแต่ก่อนซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นไอบีเอ็มยังได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีการปรับเพิ่มเงินปันผลมาโดยตลอด 26 ปีติดต่อกันไม่เคยหยุด
2. Lockheed Martin
บริษัทผู้ทำงานด้านอากาศยาน อวกาศ และการป้องกันประเทศรายใหญ่ของโลกสัญชาติอเมริกานามล็อกฮีด มาร์ติน (NYSE:LMT) คือบริษัทที่สองที่เราอยากแนะนำ แม้ว่าบริษัทนี้จะไม่เก่งเรื่องการทำให้ตัวเองสามารถเป็นพาดหัวข่าวได้ทุกวัน แต่เมื่อได้ยินคำว่าอวกาศแล้ว เชื่อได้ว่าคงสามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนได้มิใช่น้อย
ในแง่ของการปันผล บริษัทล็อกฮีด มาร์ตินมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายเงินปันผลรายปีอยู่ที่ 3% คิดเป็นการปันผลรายไตรมาสได้ $2.6 ต่อหุ้น เพราะบริษัทมีเงินอยู่ในมือที่ถือว่าเยอะพอสมควร ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจ่ายเงินปันผลได้ แม้จะอยู่ในช่วงสภาพเศรษฐกิจฟืดเคืองก็ตาม ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ล็อกฮีด มาร์ตินก็ยังสามารถรายงานตัวเลขยอดขายและกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจสำหรับบริษัทนี้ตราบใดที่พวกเขายังมีลูกค้าเป็นกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ
ในบทวิเคราะห์เมื่อไม่นานมานี้ของ Wall Street Journal พวกเขาได้เขียนถึงล็อกฮีด มาร์ติน ว่า
“หุ้นของบริษัทผู้ผลิตอาวุธสงครามส่วนใหญ่กำลังมีราคาปรับตัวลดลงตามมูลค่าของดัชนีเอสแอนด์พี 500 และเมื่อพิจารณาดูทุกบริษัท จะเห็นว่าหุ้นของล็อกฮีด มาร์ติน มีมูลค่าถูกที่สุด แถมยังมีการรายงานผลประกอบการและกระแสเงินสดที่ดีอีกด้วย”
เมื่อเทียบอัตราส่วนรายได้กับราคาหุ้น จะพบว่าตอนนี้หุ้นของล็อกฮีด มาร์ตินมีมูลค่าต่ำกว่ากำไรมากถึง 14 เท่า แสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทนี้ไม่ได้มีราคาที่แพงเกินไป พร้อมทั้งยังสามารถทำกำไรให้กับผู้ถือครองได้อย่างมั่นคง ยิ่งตอนนี้กระแสการท่องเที่ยวในอวกาศกำลังมาแรง ยิ่งมีโอกาสที่บริษัทซึ่งทำเกี่ยวกับอวกาศอยู่แล้วจะสามารถเติบโตได้ในอนาคต ล่าสุดราคาหุ้นของล็อกฮีด มาร์ตินมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $362.05
3. Procter & Gamble
บริษัทผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง “พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล” (NYSE:PG) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “พีแอนด์จี” คือบริษัทสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ ให้มีติดพอร์ตลงทุนสำหรับวัยเกษียณไว้ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือแย่ลง ผู้คนก็ต้องกินต้องใช้ ต้องมีสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทนี้จะสามารถเพิ่มเงินปันผลของตัวเองได้ตลอด 66 ปีติดต่อกัน
ล่าสุดหุ้นของพีแอนด์จีมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $141.41 มีการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.87 และมีเปอร์เซ็นต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 2.47% ตลอดสิบปีที่ผ่านมา มูลค่าของหุ้นพีแอนด์จีและอัตราส่วนสำหรับการปันผลได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า การเติบโตเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้คนยังต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเช่นกระดาษชำระ ครีมโกนหนวด น้ำยาปรับผ้านุ่ม และอื่นๆ ที่จำเป็นอยู่ตลอด
จากข้อมูลรายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดที่พึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม ผลปรากฎว่ายอดขายของบริษัทได้เติบโตขึ้น 4% มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 3% จากนักวิเคราะห์