การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว ถามว่ารู้ได้อย่างไร? เพราะเราได้ทราบผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ไปแล้วอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) กูเกิล (NASDAQ:GOOGL) อะเมซอน (NASDAQ:AMZN) เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) และเทสลา (NASDAQ:TSLA)
อย่างไรก็ตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่กลับไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขนาดนั้น เนื่องจากรายงานผลประกอบการของบริษัทอะเมซอนไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอะเมซอนได้ออกมาประกาศเองเลยว่าในรายงานผลประกอบการครั้งถัดไป กำไรก็อาจจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี แต่ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ยังไม่ถอดใจ ตอนนี้พวกเขาหันไปสนใจรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งมีคิวจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า
ในบทความนี้เราได้คัดบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดมา 3 บริษัทด้วยกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าทั้งสามบริษัทนี้จะสามารถรายงานผลกำไรที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคตระยะยาว
1. Trade Desk
วันรายงานผลประกอบการ: วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: -86.9% YoY
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขรายได้: +87.5% YoY
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +3.8%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $36,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทเทคโนโลยีที่ให้อำนาจผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้างจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิตอลผ่านรูปแบบการบริการตนเองด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ “เทรดเดสก์” (NASDAQ:TTD) มีคิวจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม ก่อนหน้านี้เทรดเดสก์เคยสร้างสถิติรายงานผลประกอบการเป็นบวกได้ติดต่อกัน 19 ไตรมาสติด เป็น IPO ครั้งแรกในไตรมาสที่ 3 ปี 2016
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของเทรดเดสก์ในรอบนี้จะออกมาอยู่ที่ $0.12 ลดลงจากตัวเลขในไตรมาสก่อนหน้าเกือบ 87% ซึ่งเคยอยู่ที่ $0.92 แต่สำหรับรายได้นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 87.5% เป็น $261.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นการเติบโตของโลกธุรกิจออนไลน์ ที่มีความต้องการฝากโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น
สิ่งที่นักลงทุนต้องการจะเห็นในรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือบริษัทจะยังคงทำกำไรได้ดีจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วอย่างเช่น ตัวเชื่อมต่อแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ากับทีวี วิดีโอโมบายส์ และอื่นๆ อีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์เหล่านี้สร้างกำไรให้กับบริษัทมาทุกๆ ปีโดยตลอด นอกจากนี้พวกเขาจะเปรียบเทียบกำไรจากการฝากโฆษณาในปีนี้กับปีที่แล้วซึ่งยังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดเหมือนกันอีกด้วย
ในปี 2020 หุ้นของเทรดเดสก์ทะยานขึ้นมากถึง 208% สืบเนื่องมาจากการเป็นช่องทางฝากโฆษณาเดียวในยุคที่ต้องล็อกดาวน์จากโควิด แต่ในปีนี้ความร้อนแรงนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันหุ้นเดสก์ท๊อปสามารถปรับตัวขึ้นมาได้เพียง 3.8% เท่านั้น ปัจจุบันเทรดเดสก์มีมูลค่าตลาด (market cap) อยู่ที่ $39,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $97.28 มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $xx.xx ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ประมาณ 14.5%
2. Digital Turbine
วันรายงานผลประกอบการ: วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +115.4% YoY
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขรายได้: +192.7% YoY
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +12%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $6,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
แพลตฟอร์มโฆษณาบนสมาร์ทโฟนที่ช่วยเพิ่มยอดดาวน์โหลดและจำนวนผู้ใช้งานให้แอปพลิเคชั่นมือถือ “ดิจิทัล เทอร์ไบน์” (NASDAQ:APPS) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสแรกในวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด ในไตรมาสที่ 4 แบบบัญชีก่อนหน้านี้ ดิจิทัลเทอร์ไบน์สามารถทำสถิติใหม่ได้ทั้งกำไรและรายได้สุทธิ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ดิจิทัลเทอร์ไบน์จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.28 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว $0.13 ขึ้นมา 115% ส่วนตัวเลขรายได้นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 190% YoY ซึ่งจะมีตัวเลขอยู่ที่ $172.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สามารถส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้อย่างถูกต้องและเรียบง่าย
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญก็คือตัวเลขการเติบโตของรายได้สุทธิจากแอปพลิเคชัน เพราะหากตัวเลขคาดการณ์ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้เป็นความจริง เท่ากับว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 95% YoY หรือคิดเป็นตัวเลขกำไรคือ $62.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจกับกำไรของบริษัทที่ไปควบรวมมาด้วยเช่น Fyber, Mobile Posse, Appreciate และ AdColony
จากชื่อเสียงอันเป็นที่เลื่องลือว่าดิจิทัลเทอร์ไบน์คือแพลตฟอร์มสำหรับฝากโฆษณาบนมือถืออันดับต้นๆ ของวงการ ทำให้ราคาหุ้นของดิจิทัลเทอร์ไลน์ในช่วง 12 เดือนล่าสุดขยับขึ้นมากถึง 350% ทำจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $102.37 มีราคาหุ้นล่าสุดตอนนี้อยู่ที่ $xx.xx ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ประมาณ 38%
3. Palantir Technologies
วันรายงานผลประกอบการ: วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: -25% QoQ
คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขรายได้: +5.5% QoQ
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -5.5%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $41,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ Big Data ที่มีความซับซ้อนและยึดโยงกับสังคมในภาพกว้าง “พาลันเทียร์ เทคฯ” (NYSE:PLTR) จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของพาลันเทียร์ในไตรมาสนี้จะมีตัวเลขอยู่ที่ $0.03 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า $0.04 ประมาณ 25%
แต่ในส่วนของตัวเลขรายได้นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 5.5% หรือคิดเป็น $359.8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นอานิสงส์มาจากความต้องการซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐบาลทั่วโลก
นักลงทุนจะให้ความสำคัญจากรายได้ที่มาจากการโฆษณา ซึ่งในไตรมาสที่แล้วเพิ่มขึ้นสูงถึง $133 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้พวกเขายังต้องการเห็นแนวทางของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังภาคส่วนอื่นๆ อีกเช่นเฮลท์แคร์ พลังงานและการผลิต แต่ที่สำคัญที่สุดที่ต้องการทราบคือแนวทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือ ในไตรมาสที่แล้วพาลันเทียร์ได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้ในปี 2021 อยู่ที่ 30%
ตั้งแต่เปิด IPO ให้ลงทุนได้ในเดือนกันยายนปี 2020 หุ้นของพาลันเทียร์ก็ได้ปรับตัวขึ้นมาในปีที่แล้ว 122% อย่างไรก็ตาม หุ้นของพาลันเทียร์ในปีนี้ยังไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่ในแดนบวกได้ หุ้นพาลันเทียร์สร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $45 แต่ปัจจุบันมีราคาเทรดอยู่ที่ $xx.xx ปรับตัวลดลงมาวิ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล $22.24