MPC / GDP / AMC SET: คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในวันนี้ แม้เช้าวันนี้รายงานผู้ ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศจะพุ่งทะลุระดับ 2 หมื่นคนไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ เหนือไปกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณา จาก Detection rate ล่าสุดที่อยู่ที่ระดับ 23%% เข้าไปแล้ว (ดูรูป) แต่หาก ในระยะสั้นภาครัฐไม่ได้มีการขยายมาตรการ Lockdown ใดเพิ่มเติมอีก มองผลกระทบจากรายงานดังกล่าวจะไม่ได้มีผลกระทบสําาคัญต่อดัชนีแต่ อย่างใด ในเชิงกลยุทธ์ สําหรับพอร์ตที่ทยอยสะสมหุ้นมาก่อนหน้านี้ ที่บริเวณดัชนีด่ากว่า 1550 จุดลงมา มองว่าสามารถถือครองหุ้นไว้ ก่อนได้ โดยเน้นไปที่ Top pick 15 ด้วของเราประจําเดือนนี้ ได้แก่ PM, SUN, XO, NCL, WICE, ICHI, SAPPE, SFLEX, SFT, UTP, BDMS, CHG, IP, MEGA, PTTEP MPc: สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะนําติดตามผลการประชุมกนง.ของไทย ซึ่งคง จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% อยู่แล้ว และคงจะยังไม่มี การปรับเป้า GDP แต่อย่างใดหลังเพิ่งปรับไปในรอบที่ผ่านมา แต่อาจ เป็นไปได้ว่าทางธปท.จะมีการให้ Scenario analysis เกี่ยวกับจํานวนการ ฉีดวัคซีนในประเทศที่จะมีผลต่อไปยังช่วงเวลาการเกิด Herd immunity และประมาณการ GDP Street revision: แม้ว่าธปท.อาจจะยังไม่มีการปรับประมาณการ GDP ในรอบนี้ แต่มีโอกาสสูงที่เราจะเริ่มเห็นสํานักวิจัยหลายแหล่งทยอยปรับลด ประมาณการไปก่อนได้ในช่วงนี้ หากมีการใส่สมมติฐานจํานวนผู้ติดเชื้อ รายวันใหม่ที่สูงขึ้น รวมถึงมาตรการ Lockdown ที่ขยายเวลาออกไปและ เป็นวงกว้างมากจากเดิม ซึ่งการปรับลด GDP นี้ก็จะมีส่วนทําให้ประมาณ การ EPS ปีนี้มีโอกาสถูกปรับลดลงด้วยเช่นกัน Do not panic: แต่เรามองว่าไม่ต้องตกใจเกินไป เนื่องจากน้ําหนักของ การปรับลดประมาณการส่วนใหญ่มองว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเลขของปืน เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรแล้วต่อ SET Index ที่เล่นบนพื้นฐาน valuation ของปีหน้ามานานแล้ว และไม่กระทบกับเป้าหมาย SET Index ของเราที่ 1600 จุดที่อิงบนฐานกําไรของ SET ปีหน้า ด้วยเช่นกัน กล่าวโดยสรุป หากการระบาดของ Covid-19 มีแนวโน้ม คลี่คลายลงได้ภายในสิ้นปีนี้ และภาครัฐมีการคลาย Lockdown จนทําให้ เศรษฐกิจกลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้งตั้งแต่ต้นปีหน้า คาดว่าประมาณการ EPS ปีหน้าจะยังยืนได้ที่ระดับ 95.5 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขสมมติฐานที่อยู่ใน โมเดลของเรา และจะไม่กระทบกับภาพ SET Index แต่อย่างใด AMC: เราออกบทวิเคราะห์หุ้น JMT และ CHAYO มีรายละเอียดดังนี้
1) JMT: คงค่าแนะน่า “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 52 บาท ในระยะสั้นดูเหมือนจะเป็นผู้เล่นในกลุ่มบริหารหนี้ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด จากการมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักประกันในระดับสูง คาดกําไรไตร มาส 2/64 ที่ 283 ล้านบาท ทรงตัว QoQ และเติบโต 25% YoY โดยรายได้จากลูกหนี้ที่รับซื้อซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้ก้อนใหญ่อาจอ่อน ตัวเล็กน้อย QoQ จากการที่ในไตรมาสนี้มีมีหนี้บางกองใกล้ตัดต้นทุน หมด อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มกําไรจะกลับมาสดใสอีกครั้งใน 2H21 ที่จะมีการตัดต้นทุนหนี้บางกองหมดทําให้สามารถรับรู้รายได้ 100% อีกทั้งคาดว่าหนี้ที่ซื้อมาในช่วงปลายปีก่อนจะเริ่มรับรู้รายได้ เพิ่มมากขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นกันแนวรับ 1,519 แนวต้าน 1,546
2) CHAYo: คงราคาเป้าหมายที่ 17.2 บาทพร้อมปรับค่าแนะน่าจาก "ซื้อเมื่ออ่อนด้ว" เป็น "ซื้อ" หลังราคาหุ้นปรับลงมาแล้วกว่า 23% นับตั้งแต่วันที่ ขึ้นเครื่องหมาย Xพ ส่วนหนึ่งคาดเป็นการสะท้อนก่าไรไตรมาส 2Q21 ที่จะ ออกมาอ่อนตัว QoQ และ YoY โดยเราประเมินอยู่ที่ 39 ล้านบาท แต่เป็นผลมา จากฐานที่สูง เนื่องจากใน 1Q21 และ 2Q20 มีการขายทรัพย์หลักประกันของ NPL และ NPA ทั้งนี้คาดไตรมาส 2 เป็นจุดต่าสุดของปี เนื่องจากในช่วงครึ่งปี หลังจะมีแรงหนุนจากการซื้อหนี้ของ Chayo JV ทําให้สามารถรับรู้รายได้และ ท่าไรเพิ่มเติมได้ พร้อมมี Upside risk จากการขาย NPA เพิ่มเติม
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities