ทันทีที่เราได้ก้าวเข้าสู่เดือนสิงหาคม ปัจจัยการลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติจะเปลี่ยนไป แต่ไม่ใช่หมายความว่าผู้คนจะซื้อและถือหุ้นรอสำหรับหน้าหนาวเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่คนจะรอดูว่าเมื่อไหร่ช่วงเวลาหน้าร้อนจะหมดลง และเปิดทางให้กับการเพิ่มก๊าซธรรมชาติเข้าสู่คลังสำรอง
นักลงทุนในตลาดนี้ต่างทราบดีว่าช่วงเวลาเจ็ดสัปดาห์ก่อนที่ฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึงจะสั้นกว่าเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ความร้อนที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นข้อมูลตัวเลขของการใช้งานเครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าร้อน จึงสามารถแสดงความต้องการก๊าซธรรมชาติได้เที่ยงตรงและแม่นยำกว่า ความท้าทายก็คือว่านักวิเคราะห์จะสามารถคาดการณ์ช่วงเวลาที่เริ่มเก็บสะสมก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับการใช้งานในช่วงหน้าหนาวได้แม่นยำขนาดไหน
แดน ไมเยอร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates ได้แชร์มุมมองการลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติให้กับ investing.com ว่า
“เมื่อช่วงเวลาฤดูร้อนค่อยๆ ผ่านไปก็จะทำให้ความต้องพลังงานเพื่อท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนลดลงด้วย เราเชื่อว่าภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกส่งเข้ามาที่คลังเพื่อเก็บสำรองในเดือนสิงหาคมจะมีมากขึ้น”
ดังนั้นรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์นี้ของสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ที่จะประกาศในเวลา 21.30 น. ตามเวลาประเทศไทยอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเราจะได้เห็นทิศทางการเก็บก๊าซธรรมชาติสำหรับฤดูหนาวแล้วหรือไม่ จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ investing.com ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังที่จะออกในวันนี้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 43 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf)
หากเป็นเช่นนั้นจริง จะเท่ากับว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในสัปดาห์นี้ได้ลดลงจากของสัปดาห์ก่อน 12% ที่ออกมาเป็นตัวเลข 49 bcf หากเทียบกับปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติแบบรายปีจะพบว่าตัวเลขคาดการณ์ของสัปดาห์นี้น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 60% แต่ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี (2016-2020) ที่ 28 bcf และหากคำนวณร่วมเข้ากับปริมาณก๊าซธรรมชาติสะสมคงคลังทั้งหมดจะพบว่ามีจำนวนก๊าซธรรมชาติรวมแล้วอยู่ที่ 2.721 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (tcf) ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี และต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 15.9%
การที่ปริมาณการใช้งานก๊าซธรรมชาติของสัปดาห์ที่แล้วลดลง ย่อมหมายความว่ามีปริมาณก๊าซธรรมชาติในคลังมากขึ้น Refinitiv รายงานข้อมูลตัวเลขอุณหภูมิของสัปดาห์ที่แล้วว่ามีระดับอยู่ที่ 87 CDD หรือการวัดค่าความเย็นหรือความร้อนต่อช่วงระยะเวลาหนึ่ง เทียบกับค่าเฉลี่ย CDD ในรอบ 30 ปีซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 90 CDD ข้อมูลจาก naturalgasintel.com ได้กล่าวถึงภาพรวมของสภาพอากาศว่า
“ความต้องการก๊าซธรรมชาติของอเมริกาในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าจะลดลงเพราะอากาศที่ได้รับอิทธิพลมาจากแคนาดาเริ่มเปลี่ยนไป มี 48 รัฐที่อาจจะได้สัมผัสกับความร้อนอยู่ในช่วงวันที่ 6-11 สิงหาคม แต่หลังจากนั้นอุณหภูมิจะค่อยๆ ปรับเข้าสู่สภาพปกติ”
อนึ่ง รายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังออกมาในเวลาเดียวกันกับที่สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่จะส่งมอบในเดือนสิงหาคมบนตลาด NYMEX หมดอายุพอดี ซึ่งตัวเลขราคาล่าสุดนั้นอยู่ที่ $3.965 ต่อ mmBtu เทียบกับจุดสูงสุดที่ทำได้ $4.114 ในวันอังคารที่ผ่านมา ถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2018
อากาศที่เย็นลงมากกว่าปกติยังส่งผลต่อปริมาณการส่งออก “ก๊าซธรรมชาติเหลว” (LNG) ในสัปดาห์ที่แล้วด้วย รายงานจาก natgasintel.com ระบุว่าตัวเลขการส่งออก LNG 11 bcf ต่อวันแม้จะลดลงจากของสัปดาห์ก่อนหน้านั้น แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงอยู่
การส่งออก LNG ไปยังภูมิภาคเอเชียและยุโรปเริ่มมีความเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเอเชียที่ผู้คนกลับมาอยู่ในสภาวะล็อกดาวน์กันอีกครั้ง ทำให้ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติลดลง เกิดเป็นความไม่สมดุลกันในแง่ของอุปสงค์และอุปทาน คาดการณ์ว่าตัวเลขการผลิต LNG ในสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขอยู่ที่ 91 bcf โดยประมาณ ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าตัวเลขการผลิตที่เคยทำได้ในช่วงก่อนการแพร่ระบาด
สตีเวน แบลร์ นักวิเคราะห์จาก Marex North America LCC กล่าวว่า
“เรายังอยู่ในช่วงหน้าร้อนกันอยู่ ซึ่งระดับการส่งออกค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระดับการผลิตที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าดังนั้นผมจึงคิดว่าขาขึ้นของตลาดก๊าซธรรมชาติจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดช่วงฤดูร้อนนี้”