ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกะสกุลเงินหลักอื่นๆ กราฟ EUR/USD สามารถปรับตัวขึ้นได้สูงที่สุดในรอบสองสัปดาห์ ในขณะที่กราฟ USD/JPY ปรับตัวกลับลงมาวิ่งต่ำกว่า 110 สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดสำหรับการประชุมฯ เมื่อวานนี้คือเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกลับไม่แสดงความกังวลต่อการระบาดโควิดสายพันธุ์เดลตาเลย
“นับตั้งแต่โควิดเข้ามาระบาดในประเทศสหรัฐอเมริกา เราจะเห็นได้ว่าแต่ละเวฟที่เข้ามานั้นมีแนวโน้มว่าจะไม่ระบาดเกินการควบคุมของรัฐบาล และในแง่ของเศรษฐกิจก็ดูเหมือนว่าการระบาดเหล่านั้นจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อเศรษฐกิจ แม้ว่าจะจับตาดูการระบาดของสายพันธุ์เดลตา แต่เราก็เชื่อว่ายังไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องประเมินสถานการณ์ของเดลตากับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในตอนนี้” - นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าว
ข้อความนี้หมายความว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะจับตาดูแนวโน้มการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่จะยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่ส่งสัญญาณไปยังตลาดลงทุนว่าการระบาดระลอกนี้คือความเสี่ยง และเพื่อเป็นการยืนยันว่าอเมริกาจะไม่กลับไปสู่ภาวะล็อกดาวน์อีก ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการลดวงเงินเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกทีภายในช่วงสิ้นปีนี้
ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และไม่มีประเด็นไหนที่สามารถทำให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะยังประเมินว่าการระบาดของเดลตายังไม่เป็นภัยคุกคาม แต่ก็มีพูดถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบ “อย่างมีนัยสำคัญ” กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในบางภาคส่วน ที่การเติบโตยังต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาด แต่สาเหตุที่ผลการประชุมครั้งนี้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเป็นเพราะนายเจอโรม พาวเวลล์พูดชัดว่ากว่าจะเริ่มพูดคุยกันเรื่องลดวงเงินเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอาจจะต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน ซึ่งหมายความว่าดอลลาร์จะต้องอ่อนค่าเช่นนี้ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนที่การประชุมใหญ่ในเดือนสิงหาคมจะเริ่มต้นขึ้น
สิ่งที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเทขายดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้มีอยู่ 3 ประเด็น
1. เฟดยังคงประเมินการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อต่ำไป แม้เจอโรม พาวเวลล์จะยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อได้เร่งตัวขึ้นมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เขาก็ยังอยากให้นักลงทุนใจเย็นๆ เพราะเชื่อว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ลดลงไปเอง พร้อมกับการกลับมาเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญของภาคธุรกิจต่างๆ
2. ไม่มีการพูดถึงกรอบเวลาที่แน่นอนในการลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ถึงเจอโรม พาวเวลล์จะพูดว่าเฟดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นประเด็นแรก แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะบอกใบ้หรือให้กรอบเวลาที่มีความชัดเจนว่าการลดวงเงินฯ จะเกิดขึ้นเมื่อใด เขากล่าวแต่เพียงว่าตามธรรมเนียมแล้วจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนการลดสภาพคล่อง แต่ตอนนี้เฟดก็ยังไม่คิดที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
3. ไม่มีมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติม ประเด็นนี้อาจฟังดูแล้วเป็นเรื่องดีสำหรับดอลลาร์สหรัฐ เพราะเฟดยังคงให้เหตุผลว่าถึงเศรษฐกิจอเมริกาจะฟื้นตัวได้อย่างดี แต่การฟื้นในเรื่องของการจ้างงานยังคงไม่เข้าเป้า อัตราการว่างงานยังคงมีสูงกว่าที่เฟดต้องการ จนกว่าภาพรวมของการจ้างงานจะกลับไปใกล้เคียงกับระดับปกติ ก็จะไม่มีนโยบายการเงินใดๆ เพิ่มเติม
สรุปผลการประชุมเมื่อคืนนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ใจความว่าพวกเขายังจับตาดูการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่รีบที่จะลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะมีการประชุมใหญ่รออยู่ในเดือนสิงหาคม แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล ส่วนเรื่องการระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นในอเมริกาและทั่วโลก ตอนนี้เฟดจะขอดูว่าภายในหนึ่งเดือนนี้เหตุการณ์จะดีขึ้นหรือแย่ลง และอาจจะประเมินสถานการณ์ใหม่ในการประชุมครั้งถัดไป
ถึงแม้ว่าภาครัฐจะยังคงใช้คำว่า “จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” แต่ในภาคประชาชนนั้นพวกเขายินดีที่จะกลับมาปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค (CDC) ที่ขอให้กลับมาใส่หน้ากากอีกครั้งเวลาที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่ปิด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เมื่อวานนี้รัฐเนวาดาพึ่งออกคำสั่งให้คนที่อยู่ในลาส เวกัสสวมใส่หน้ากาอนามัย เช่นเดียวกับเมืองเคนซัส พนักงานของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ทุกคนจะกลับมาสวมหน้ากากอีกครั้ง และทุกคนจะมีใบรับรองว่าได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดเรียบร้อยแล้ว
ลำพังการกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอาจจะยังไม่สร้างความเสียหายให้กับภาพรวมทางเศรษฐกิจมาก แต่ถ้าบรรดาร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้ากลับมาตื่นตัวเรื่องการระบาดเมื่อไหร่ นั่นอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาจริงๆ เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าเรายังต้องจับตาสถานการณ์การระบาดต่อไป แม้ภาครัฐจะยังเชื่อว่าไม่เป็นภัยคุกคามในตอนนี้ แต่ความกังวลเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้นักลงทุนบางส่วนหันไปถือเยนหรือสวิตฟรังก์เพื่อความปลอดภัย