🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

กำไรของ Facebook ยังแกร่งแต่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 29/07/2564 10:26
AAPL
-
AMZN
-
META
-
TWTR
-
SNAP
-

- เฟสบุ๊กจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ในวันพุธที่ 28 กรกฎาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขรายได้: $27,850 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $3.04

เมื่อพิจารณาจากลักษณะการวิ่งของกราฟหุ้นเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ในตอนนี้ เชื่อได้เลยว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่าในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่จะยังสามารถแสดงรายงานตัวเลขผลกำไรที่เติบโตขึ้นได้เช่นเคย

หากเทียบกับเพื่อนทีอยู่ในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANG) ” อย่างเช่นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) หรืออะเมซอน (NASDAQ:AMZN) จะพบว่าหุ้นของเฟสบุ๊กในปีนี้ถือเป็นตัวหนึ่งที่เติบโตได้ดี ตลอดทั้งปีปรับตัวขึ้นมาแล้ว 30% จนในที่สุดก็สามารถมี market cap เกิน $1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้แบบเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มเรียบร้อยFacebook Weekly Chart.

นักวิเคราะห์ประเมินว่ารายได้ในไตรมาสนี้จะมีตัวเลขอยู่ที่ $27,850 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก $1.80 เป็น $3.04 สิ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าเฟสบุ๊กจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นคือการกลับมาฝากโฆษณาของธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ในยุคที่ผู้คนสามารถใช้เทคโนโลยีโซเชียลมีเดียเป็นกันมากขึ้นเพราะโควิด

ไม่ใช่เฉพาะนักวิเคราะห์เท่านั้น แต่สัญญาณทุกอย่างบ่งชี้ไปที่ความจำเป็นของการทำธูรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น การขายสินค้าในโลกยุคหลังโควิดจะบังคับให้ทุกบริษัทต้องมีช่องทางการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และที่สำคัญ ก่อนรายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊ก จะเห็นว่าแพตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเช่นทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) หรือสแน็ป (NYSE:SNAP) ที่รายงานผลประกอบการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์กันได้หมด

เมื่อวิเคราะห์เจาะลึกลงไปถึงสาเหตุของความสำเร็จในไตรมาสที่ 2 จะพบว่าผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของบริษัทโซเชียลมีเดียดเหล่านั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของการรับสื่อความบันเทิงภายในบ้าน การติดตามข่าวสาร และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับอีกซีกโลกหนึ่งที่ยังคงเผชิญความยากลำบากจากวิกฤตโควิด ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ยอดผู้ใช้งานที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการกระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแนวโน้มว่าจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับเฟสบุ๊กนั้นเคยมีตัวเลขยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวมาได้เกิดขึ้นจริง สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยโควิดทำให้แม้จะปรับขึ้นราคาของการฝากพื้นที่โฆษณาขึ้นอีก 30% ในไตรมาสที่ 1 ก็ยังสามารถทำกำไรได้ และกำไรจากการฝากโฆษณาก็ยังเพิ่มขึ้นอีก 12% ด้วย

iOS เวอร์ชันใหม่คือความเสี่ยงของเฟสบุ๊กที่ทุกคนจับตา

ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์หลายสำนักจะเห็นตรงกันว่ารายงานผลประกอบการในไตรมาสนี้ของเฟสบุ๊กไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ผู้คนอยากทราบคือเฟสบุ๊กจะมีนโยบาย หรือวิธีการอะไรในการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้สามารถติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอปเปิลที่ iOS เวอร์ชันล่าสุดพึ่งเปิดให้มีตัวเลือก “ไม่ติดตามการใช้งานของฉัน” ได้

รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กในช่วงต้นเดือนนี้ระบุว่าผู้ใช้งานมือถือไอโฟน (iPhone) ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ให้แอปฯ อย่างเฟสบุ๊กติดตามพฤติกรรมการใช้งานของพวกเขา 

“บริษัทผู้ลงทุนไปกับการฝากโฆษณาบนเฟซบุ๊กเรื่องมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นความมีประสิทธิภาพของการฝากโฆษณาลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้งานมือถือของแอปเปิล” - บลูมเบิร์ก รายงาน 

เรื่องนี้แม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊กยังออกมายอมรับด้วยตัวเอง นายเดวิด เวห์เนอร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของเฟซบุ๊กได้กล่าวในเดือนเมษายนว่า 

“การที่แอปเปิลสร้างทางเลือกให้กับผู้ใช้งานไม่ให้ติดตามข้อมูล ทำให้การโฆษณาไปยังผู้ใช้งานคนนั้นๆ ทำได้ยากขึ้น ในขณะที่แอปเปิลเอาแต่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่พวกเขาเคยคิดบ้างไหมว่านี่คือการเพิ่มต้นทุนให้กับเจ้าของกิจการธุรกิจขนาดเล็กในแง่ของการฝากโฆษณา อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้”

โดยสรุปแล้ว

สำหรับการรายงานผลประกอบการในครั้งนี้เชื่อว่าคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเฟซบุ๊ก หากพิจารณาจากแนวโน้มที่ในอนาคตจะมียอดผู้ใช้งานมาใช้แพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอทท์แอป มากขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานของบริษัทแอปเปิลจะเป็นความท้าทายใหม่ให้เฟซบุ๊กต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้กลับไปหาผู้ใช้งานของแอปเปิลได้อีกครั้ง

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย