🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

พรีวีวรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของ 5 บริษัทเทคฯ ชื่อดัง: FAAMG

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 22/07/2564 10:27
US500
-
MSFT
-
GOOGL
-
AAPL
-
AMZN
-
IXIC
-
META
-
GOOG
-

หากนับรวมสัปดาห์นี้เข้าไปด้วยก็เท่ากับว่าเราได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 มาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว หากวัดเฉพาะช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2020 รายงานผลประกอบการในตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาเติบโตของตลาดลงทุนสหรัฐฯ ที่ดีที่สุด หุ้นในกลุ่มธนาคารยังส่งสัญญาณเป็นบวก ในขณะที่หุ้นบริษัทชื่อดังที่รายงานผลประกอบการไปแล้วในสัปดาห์นี้ก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ในสัปดาห์หน้า จะเป็นช่วงเวลาที่คนให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการมากที่สุด เพราะเราจะได้เห็นบริษัทชื่อดังทางเทคโนโลยีทยอยออกมารายงานผลประกอบการให้ได้ทราบ ซึ่งหุ้นเหล่านั้นมีส่วนทำให้ดัชนีแนสแด็กขึ้นไปวิ่งอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาลในเวลานี้ ความน่าสนใจก็คือบริษัททั้งห้านี้ยังไม่เคยรายงานผลประกอบการได้น่าผิดหวังเลยแม้จะอยู่ในช่วงโควิดก็ตาม ดังนั้นในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ ตลาดลงทุนจึงคาดหวังว่าจะได้เห็นตัวเลขผลกำไรที่เติบโตเช่นเคย

NASDAQ Daily Chart

1. Google

- วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +88.6% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขกำไร: +46.1% YoY
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +44%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $1.69 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

อัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) บริษัทแม่ของกูเกิลถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานขาขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกันกับเฉพาะในกลุ่ม FAAMG กูเกิลยังคงได้กำไรอย่างต่อเนื่องจากการฝากโฆษณา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้นกูเกิลปรับตัวขึ้นมา 44% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $2,550.65 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $2,585.50 ในวันที่ 14 กรกฎาคม ล่าสุดอัลฟาเบตมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ $1,690,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ครองตำแหน่งอันดับสี่ของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

Google Daily Chart

ในไตรมาสแรกกูเกิลประกาศว่าสามารถทำกำไรจากการซื้อหุ้นคืนได้ $50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นักวิเคราะห์ประเมิน่าในไตรมาสที่ 2 กูเกิลจะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $19.11 เพิ่มขึ้นจาก $10.13 ประมาณ 88.6% ส่วนกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 46% จาก $38,300 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น $55,900 ล้านเหรียญสหรัฐ 

นอกจากจับตาดูการเติบโตของกำไรในการฝากโฆษณาแล้ว นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไรในการฝากโฆษณาบน YouTube และการเติบโตของ Google Cloud Platform ในไตรมาสที่แล้วกูเกิลสามารถทำกำไรจากการฝากโฆษณาแบบปีต่อปีได้ 32% เพิ่มขึ้นเป็น $44,600 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจาก YouTube ก็เพิ่มขึ้น 49% คิดเป็นเงิน $6,010 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนกำไรจาก Google Cloud Platform เพิ่มขึ้น 46% เป็น $4,050 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับปัจจัยภายนอก นักลงทุนต้องการทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการถูกฟ้องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในข้อหาผูกขาดทางการค้า รวมถึงแนวทางปฏิบัติในอนาคตว่าจะมีแผนรับมืออย่างไรบ้างแบบเป็นขั้นเป็นตอน

2. Microsoft

- วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +30.8% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขกำไร: +15.8% YoY
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +25.6%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $2.10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ถือเป็นหุ้นอีกตัวที่ยังคงวิ่งขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ พึ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถือเป็นการตอบรับความนิยมในเซอร์วิสที่พึ่งพิงคลาวด์ของไมโครซอฟต์อย่างชัดเจน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้นไมโครซอฟต์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 26% ทำผลงานได้ดีกว่าขาขึ้นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ 15% ภายในช่วงเวลาเดียวกัน 

หุ้นไมโครซอฟต์ทำจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $284.10 ในวันที่ 16 กรกฎาคม มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $281.37 ครองตำแหน่งอันดับสองของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วย market cap มูลค่า $2,100,000 ล้านเหรียญสหรัฐMicrosoft Daily Chart

ไมโครซอฟต์มีคิวจะรายงานผลประกอบการในวันที่ 27 กรกฎาคม หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด หลังจากที่บริษัทสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรและยอดขายเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าในไตรมาสนี้ไมโครซอฟต์จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.91 เพิ่มขึ้นมาจากตัวเลขเดิม $1.46 เกือบ 31% ส่วนกำไรนั้นคาดว่าจะเติบโตขึ้น 16% จาก $38,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น $44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากรายงานผลประกอบการ สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจคือการเติบโตของผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟต์ไม่ว่าจะเป็น  Azure, SQL Server, Windows Server, GitHub, Office 365, Microsoft Teams, LinkedIn และอื่นๆ ในไตรมาสที่แล้ว เซอร์วิสที่พึ่งพาคลาวด์ของไมโครซอฟต์สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 23% แบบ YoY คิดเป็นเงิน $15,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่กำไรจาก Azure เพิ่มขึ้น 50%

3. Apple

- วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +56.2% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขกำไร: +22.3% YoY
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +10.1%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $2.44 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

แม้ว่าแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) จะเป็นบริษัทที่มี market cap เป็นอันดับหนึ่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนอีกห้าบริษัท แต่ลักษณะการวิ่งของราคาหุ้นแอปเปิลกลับไม่สวยงามเอาเสียเลย เมื่อวานนี้หุ้นแอปเปิลมีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $145.38 วิ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $149.98 ที่พึ่งสร้างไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม สิ่งที่น่าสนใจก็คือตลอดทั้งปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้นมาได้เพียง 10.1% เท่านั้น น้อยเกือบที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม FAAMG ด้วยกันเองApple Daily Chart

นักวิเคราะห์ประเมินว่าในไตรมาสนี้แอปเปิลจะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.00 เพิ่มขึ้นมา 56% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 22% เป็น $73,000 ล้านเหรียญสหรัฐ YoY สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมไอโฟน 12 ที่สามารถรองรับ 5G ได้

นอกจากกำไรของไอโฟนแล้ว นักวิเคราะห์จะให้ความสนใจกับการรายงานตัวเลขยอดขายของบริการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น AppleCare, iCloud, Apple Pay, Apple Music, Apple TV+, และ Apple Fitness+ นอกจากนี้ยังมีแกตเจ็ตอื่นๆ เช่น AirPods, Apple Watch, iPad และคอม Mac หากนับเฉพาะไอแพดและคอมแมคจะพบว่ามีกำไรเติบโตในไตรมาสที่แล้วอยู่ที่ 79% และ 70% ตามลำดับ 

สำหรับปัจจัยภายนอก นักลงทุนต้องการทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการถูกฟ้องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในยุโรปในข้อหาผูกขาดทางการค้า รวมถึงแนวทางปฏิบัติในอนาคตว่าจะมีแผนรับมืออย่างไรบ้างแบบเป็นขั้นเป็นตอน

4. Facebook

- วันรายงานผลประกอบการ: วันพุธที่ 28 กรกฎาคม
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +68.3% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขกำไร: +48.9% YoY
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +25.1%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $968,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

หุ้นของบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่เฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ในไตรมาสนี้แม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับความยากลำบากทางกฎหมาย และนโยบายรักษาความเป้นส่วนตัวใหม่ของผู้ใช้ไอโฟนใน iOS 14 ที่ทำให้เฟสบุ๊กโฆษณาให้กับผู้ใช้งานได้ยากขึ้น 

ตลอดทั้งปี 2021 หุ้นเฟสบุ๊กปรับตัวขึ้นมาแล้ว 25.1% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $346.22 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล $358.67 ที่พึ่งสร้างไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ล่าสุดบริษัทมี market cap อยู่ที่ $968,700 ล้านเหรียญสหรัฐ รั้งตำแหน่งอันดับห้าของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากนับรวมยอดผู้ใช้งานจากทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเฟสบุ๊กจะพบว่าตอนนี้บริษัทมียอดใช้งานทั่วโลกรวมแล้วทั้งสิ้น 3,450 ล้านคนFacebook Daily Chart

เพราะในไตรมาสที่ 1 ตัวเลขผลประกอบการของเฟสบุ๊กสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์มาได้ ในครั้งนี้นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าเฟสบุ๊กจะสามารถรายงานตัวเลขการปันผลต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $3.03 เทียบกับตัวเลขเดิมในปีที่แล้ว $1.80 ถือว่าเพิ่มขึ้นมาเกือบ 69% ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 49% แบบ YoY ติดเป็นผลกำไรทั้งหมด $2,780 ล้านเหรียญสหรัฐ หมายความว่าธุรกิจการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ฺมยังสามารถทำกำไรให้เฟสบุ๊กได้เป็นอย่างดี

ในการพิจารณาว่าบริษัทโซเชียลมีเดียมีการเติบโตขึ้นมากแค่ไหน นักวิเคราะห์จะคำนวณจากยอดผู้ใช้งานในปัจจุบันและกำไรเฉลี่ยที่ได้จากผู้ใช้งานหนึ่งคน (ARPU) ในไตรมาสที่ 1 เฟสบุ๊กรายงานว่าตัวเลขยอดผู้ใช้งานรายวัน (DAU) เพิ่มขึ้น 8% YoY คิดเป็นจำนวน 1,880 ล้านคน ในขณะที่ยอดผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) ก็เพิ่มขึ้น 10% คิดเป็น 2,850 ล้านคน

สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการของเฟสบุ๊กในครั้งนี้คือพวกเขาจะมีแนวทางจัดการกับการบล็อกการเข้าถึงโฆษณาบน iOS 14 ของแอปเปิลได้อย่างไร

5. Amazon

- วันรายงานผลประกอบการ: วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลข EPS: +18.5% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของตัวเลขกำไร: +29.7% YoY
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +9.7%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $1.80 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

หากคิดว่าการปรับตัวขึ้นของหุ้นแอปเปิลตลอดทั้งปี 2021 น้อยแล้ว พอเห็นข้อมูลของหุ้นอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) กลับต้องตกใจยิ่งกว่า ใครจะคิดว่ายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ชที่เคยเติบโตได้อย่างมหาศาลในช่วงของการระบาดโควิดเมื่อปีที่แล้ว จะสามารถปรับตัวขึ้นได้เพียง 10% เท่านั้น น้อยกว่าทุกบริษัทในกลุ่ม FAAMG และน้อยกว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก

ในปีนี้หุ้นอะเมซอนได้สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอา่ไว้ที่ $3,773.00 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $3,585.90 ล่าสุดบริษัทมี market cap อยู่ที่ $1.80 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รั้งตำแหน่งอันดับสามของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ Amazon Daily Chart

แม้ว่าหุ้นอะเมซอนจะปรับตัวขึ้นได้น้อยที่สุด แต่รายได้และยอดขายนั้นก็ยังสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ในไตรมาสที่แล้ว ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงคาดว่าในไตรมาสนี้บริษัทจะสามารถรายงานตัวเลขอัตราผลกำไรต่อหุ้นได้ $12.21 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก $10.30 ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 อยู่ที่ 19% ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30% เป็น $115,300 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ e-commerce และคลาวด์เซอร์วิส

สิ่งที่นักลงทุนจะใช้เป็นตัวชี้วัดการเติบโตของบริษัทอะเมซอนมีอยู่หลักๆ สามอย่าง หนึ่งคือกำไรจากบริการ ‘Amazon Web Services’ (AWS) สองคือกำไรจากการฝากโฆษณาและสามคือบริการสตรีมมิ่ง ‘Amazon Prime’ สำหรับ AWS ในไตรมาสแรกเคยเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 32% ทำกำไรเอาไว้ที่ $13,500 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการฝากโฆษณานั้นเติบโตขึ้น 77% เป็น $6,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และสุดท้าย Amazon Prime ปัจจุบันมียอดผู้สมัครสมาชิก 200 ล้านคน ได้เพิ่มขึ้นมา 50 ล้านคนจากช่วงเริ่มต้นปี 2020

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย