รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ปัจจัยความกังวลใหม่ที่กำลังจะคุกคามตลาดสินค้าโภคภัณฑ์...โควิดสายพันธุ์เดลตา

เผยแพร่ 19/07/2564 17:26
อัพเดท 02/09/2563 13:05

หลังจากที่นักลงทุนขาขึ้นฝั่งตะวันตกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับการระบาดโควิดระลอกใหม่ ในที่สุดวันนี้พวกเขาก็หนีความจริงไม่พ้นว่าตลาดทุนอาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงกับการรับมือโรคระบาดอีกครั้ง เมฆฝนที่เริ่มเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าที่สดใส ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในตลาดหุ้นแต่ยังรวมไปถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย 

ตลาดน้ำมันดิบปรับตัวลดลงตลอดทั้งวันของการซื้อขายฝั่งเอเชีย 1.5% เพราะนอกจากความกังวลโควิด ยังมีเรื่องของการบรรลุข้อตกลงระหว่างกลุ่ม OPEC ที่จะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตเดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือนในช่วงเดือนสิงหาคม - ธันวาคมปีนี้ ส่วนเรื่องข้อพิพาทก่อนหน้านี้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบียจะยกยอดไปชดเชยให้ในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2022 เป็นต้นไปOil Daily

นอกจากน้ำมันดิบแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นๆ ก็พากันปรับตัวลดลงหมดไม่ว่าจะเป็นทองคำ ทองแดง น้ำมันถ่ายเทความร้อน น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบอื่นๆ Gold Daily

ไม่ใช่แค่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้นตัวหลักๆ ของสหรัฐฯ ล่วงหน้าก็ปรับตัวลดลงมาหมดไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500และแนสแด็ก ซึ่งสอดคล้องกับการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวขึ้นมายัง 92.76 จุด และอยู่ไม่ไกลจากจุดสูงสุดในรอบสามเดือนที่ 92.832 จุด ปรากฎการณ์นี้หมายความว่านักลงทุนเริ่มกลัวความเสี่ยงมากขึ้นและกำลังหันไปถือครองเงินสด

ในช่วงเจ็ดวันล่าสุดมีการพบยอดผู้ติดเชื้อโควิดใหม่สูงขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ยอดผู้ติดเชื้อรวมกันสูงเกินกว่าครึ่งล้านไปแล้ว ประเทศที่นักลงทุนเป็นกังวลที่สุดในตอนนี้คืออังกฤษเพราะก่อนหน้านี้พึ่งประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มทางสังคมไป 

โควิดสายพันธุ์เดลตา: สงครามรอบใหม่ระหว่างมนุษยชาติกับโรคระบาด

นายโรดริโก คาทริว นักวางกลยุทธ์การเงินอาวุโสแห่งธนาคารแห่งชาติออสเตรเลียได้พูดในรายการพอตแคสของธนาคารเมื่อเช้านี้ว่า 

“ปัจจัยเสี่ยงที่จะเข้ามาเป็นธีมการลงทุนในไตรมาสที่ 3 นี้คงต้องนับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเข้าไปร่วมด้วยแล้ว และเหตุผลนี้จึงทำให้นักลงทุนตัดสินใจหลีกหนีความเสี่ยงกันอีกครั้ง ส่วนฝั่งสหรัฐฯ นอกจากเงินเฟ้อ การหดตัวของตัวเลขตวามเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกนก็มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงก่อนปิดตลาดในช่วงสุดสัปดาห์”

ดังนั้นการเปิดตลาดลงทุนของสหรัฐฯ ในช่วงค่ำของวันนี้จึงต้องจับตาดูเป็นพิเศษว่าขาลงในเอเชียจะส่งต่อไปยังฝั่งตะวันตกด้วยหรือไม่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในตอนนี้คงต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะแก้ปัญหาโควิดระบาดได้อีกครั้ง ที่สำคัญสัปดาห์นี้นอกจากการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ของบางประเทศแล้ว ตารางข่าวเศรษฐกิจของสัปดาห์ถือว่าค่อนข้างว่างทีเดียว ดังนั้นความสนใจของนักลงทุนอาจจะเปลี่ยนมาอยู่กับการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ 

ขาลงในตลาดน้ำมันสะท้อนให้เห็นความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันดิบ

การพยายามเล่นเกมทางการเมืองเพื่อทำให้องค์กร OPEC+ สามารถได้ข้อสรุปที่พอใจ ทั้งเรื่องของการผลิตน้ำมันตั้งแต่เดือนหน้าไปจนถึงสิ้นปีและการพยายามกดกำลังการผลิตของตัวเองให้อยู่ต่ำกว่าความต้องการ ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสี่จากห้าวันล่าสุด อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าข้อสรุปที่ออกมาคือการผลิตน้ำมันเพิ่มเดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งหมายความว่าภายในช่วงห้าเดือนข้างหน้า OPEC+ จะเพิ่มน้ำมันเข้าไปในระบบทั้งหมด 2 ล้านบาร์เรล

ส่วนข้อถกเถียงที่เคยมีกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าในที่สุดก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ โดยที่ UAE จะได้สิทธิ์เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวันในวันนี้เป็น 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2022 เป็นต้นไป นอกจาก UAE แล้วประเทศสมาชิกอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิ์ผลิตน้ำมันเพิ่มในช่วงเวลาเดียวกันคือซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย คูเวต และอีรัก ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้ปรับ baseline การผลิตขึ้นจาก 11 ล้านบาร์เรลเป็น 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และอาจจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเข้าไปอีก 1.63 ล้านบาร์เรลภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า

อันที่จริงปริมาณน้ำมันที่จะเข้ามาในระบบทั้งหมด 2 ล้านบาร์เรลยังถือว่าน้อยกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์เคยประเมินเอาไว้ที่ 3.5 ล้านบาร์เรล แต่นั่นคือตัวเลขที่มาก่อนการระบาดโควิดสายพันธุ์เดลตา นอกจากเรื่องการผลิตน้ำมันของ OPEC ที่จบลงไปแล้ว ให้จับตาดูการส่งออกน้ำมันจากนอกอ่าวเปอร์เซียของอิหร่านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกคว่ำบาตร

สถานการณ์ของโควิดเดลตารอบนี้รุนแรงแค่ไหน?

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาในรอบนี้ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานในบางประเทศ ยกตัวอย่างเช่นสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ประเทศไทย เป็นต้น จนต้องทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางสังคมอีกครั้ง รายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในสหราชอาณาจักรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2021 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่อังกฤษวางแผนไว้ว่าจะประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มทางสังคมส่วนใหญ่ออก

นักวิเคราะห์จากธนาคาร เอเอ็นซี กล่าวว่า

“หลังจากที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ลดมาตรการคุมเข้มทางสังคมลงและเห็นยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจาก 500 เป็น 10,000 คนภายในสองสัปดาห์ รัฐบาลก็ได้รีบเปลี่ยนท่าที เพิ่มมาตรการคุมเข้มและมาดูสถานการณ์การระบาดใหม่อีกครั้ง น่าเส้นดายที่วันเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพของอังกฤษต้องมาเผชิญสถานการณ์เดียวกัน”

สถานการณ์การระบาดในตอนนี้ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต้องมานั่งประเมินแนวโน้มตลาดน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีหลังกันใหม่ จากเดิมที่เคยมองว่าจะย่อตัวลงในระยะสั้นก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป กลายเป็นว่า “ไม่แน่ใจ” ว่าในช่วงฤดูหนาวนี้ ภาพรวมการระบาดจะเป็นเช่นไร แม้แต่สหรัฐอเมริกาเองที่ได้ชื่อว่าเอาชนะโควิดระลอกแรกได้ ตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากเดลตาอีกครั้ง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดเมื่อวันศุกร์ว่า 

“สิ่งที่ผมเป็นกังวลมากที่สุดในการรับมือกับการระบาดโควิดระลอกใหม่คือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพราะการที่ยังไม่ได้เข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ คือการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดระลอกใหม่” 

บุคลากรทางการแพทย์และอดีตผู้ที่เคยเป็นคนในวงการแพทย์มาก่อนแสดงความเห็นว่ายังมีาวอเมริกันหลายล้านคนที่ไม่เชื่อในแนวทางการปฏิบัติของรัฐ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการเงินหรือสิทธิเสรีภาพที่จะรับหรือไม่รับวัคซีนก็ได้ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงจะเป็นผู้ติดเชื้อและแพร่เชื้อในเวลาเดียวกัน

ด็อกเตอร์สก็อตต์ ก็อตต์ลีบ อดีตอธิบดีองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่าชาวอเมริกันไม่ต้องการที่จะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเพราะรู้ว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่พวกเขารู้ไหมว่าการที่ไม่ยอมรับวัคซีนที่ถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกฟรีในวันนี้คือการปูทางเข้าสู่โรงพยาบาลของตัวพวกเขาเอง ในขณะเดียวกันด็อกเตอร์ ฟรานซิส คอลลิน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า คนที่ไม่รับผิดชอบตัวเองและสังคมกำลังทำให้เป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากรครบโดสเกิน 50% ภายในหน้าร้อนของอเมริกาต้องล่าช้าออกไป

ในขณะที่ซีกตรงข้ามของอเมริกากำลังเผชิญกับความยากลำบากทั้งการต่อสู้กับโควิดและปัญหาทางเศรษฐกิจ ชาวอเมริกันกลับมีวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกที่รัฐพร้อมฉีดให้ประชาชนฟรีมาเป็นเดือนแล้ว แต่ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค (CDC) ระบุว่าตอนนี้มีคนที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสอยู่ที่ 48.2% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และอัตราการฉีดวัคซีนใหม่ก็กำลังค่อยๆ ปรับตัวลดลง สวนทางกับยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลสถิติบอกว่าตอนนี้ 47 จาก 50 รัฐมียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย