การระดมฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพของสหรัฐอเมริกา นำมาซึ่งผลลัพธ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทั่วโลกกำลังทุกข์ทนจากการระบาดโควิดสายพันธุ์เดลตา นักลงทุนในสหรัฐฯ จะยังให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทชื่อดังว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่เงินล้นตลาด ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก 100ยังคงวิ่งอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาลของตัวเอง ในบทความนี้เราจะมาจับตาดูกันต่อว่าสัปดาห์นี้จะมีบริษัทใดบ้างที่มีคิวต้องรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2021
1. Netflix
บริษัทเจ้าของระบบสตรีมมิ่งภาพยนตร์ชื่อดังเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $7,320 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $3.1
สถานการณ์ความเป็นอยู่ในธุรกิจสตรีมมิ่งของเน็ตฟลิกซ์เริ่มยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันพวกเขาไม่ใช่เจ้าของตลาดภาพยนตร์สตรีมมิ่งแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป มีคู่แข่งมากมายที่พยายามจะเข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาดนี้ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่ที่มีต้นทุนภาพยนตร์เดิมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ส่งผลให้ยอดผู้สมัครสมาชิกใช้บริการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในเดือนเมษายน รายงานยอดจำนวนสมาชิกใหม่ในไตรมาสที่ 1 มีตัวเลขอยู่ที่ 2 ล้านคน น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่บริษัทตั้งขึ้นเองเสียอีก
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวลดลง 2% เมื่อเทียบกับดัชนีแนสแด็กที่ตลอดทั้งปีปรับตัวขึ้น 12% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $530.31 นักวิเคราะห์ประเมินว่ามีเพียงการรายงานตัวเลขยอดผู้ใช้งานและกำไรที่เพิ่มขึ้นเท่านั้นที่จะช่วยให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์สามารถหลุดกรอบปรับฐานในปัจจุบันขึ้นไปได้ ถึงเวลาแล้วที่เน็ตฟลิกซ์ต้องแสดงให้คู่แข่งได้เห็นว่าพวกเขามีจุดแข็งที่ยังสามารถยืนหยัดในตลาดสตรีมมิ่งนี้ได้ ในทุกวันนี้ที่ใครๆ ก็ทำสตรีมมิ่งภาพยนตร์เป็นของตัวเอง
2. Johnson & Johnson
บริษัทเจ้าของวัคซีนต้านโควิดเข็มเดียวจบจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (NYSE:JNJ) หรือ “เจแอนด์เจ” จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันพุธที่ 21 กรกฎาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เจแอนด์เจจะสามารถทำกำไรได้ $22,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.29
แน่นอนว่าสิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากกว่าการรายงานตัวเลขผลประกอบการคือความสามารถในการผลิตวัคซีน และที่สำคัญคือวัคซีนต้านโควิดของเจแอนด์เจจะสามารถต่อกรกับโควิดสายพันธุ์เดลตาได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน
ก่อนหน้านี้วัคซีนของเจแอนด์เจเคยถูกสั่งระงับใช้ชั่วคราวหลังจากพบปัญหาผู้ที่ได้รับวัคซีนบางคนเกิดอาการข้างเคียงเส้นเลือดอุดตัน อย่างไรก็ตามคำสั่งห้ามได้ถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อวันที่ 23 เมษายน แต่หากมองในมุมของธุรกิจแล้ว ลำพังข่าวร้ายนี้ไม่อาจสั่นคลอนระบบการเงินที่เจแอนด์เจมีได้ เนื่องจากพวกเขายังสามารถทำกำไรได้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือปัจจัยภายนอกอย่างการกลับมาเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจมีผลกับยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ การระบาดของโควิดทำให้ผู้คนหันมาสนใจกับความสะอาดของตัวเองมากขึ้นและซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของเจแอนด์เจมากขึ้น จึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นของเจแอนด์เจในปีนี้ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ 7% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $168.10
3. IBM
บริษัทคอมพิวเตอร์ในตำนานอย่างไอบีเอ็ม (NYSE:IBM) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสล่าสุดในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ไอบีเอ็มจะสามารถทำกำไรได้ $18,290 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.32
เมื่อไม่นานมานี้มีสัญญาณการฟื้นตัวเกิดขึ้นจากบริษัทไอบีเอ็ม บริษัทสามารถรายงานผลกำไรในเดือนเมษายนเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ไตรมาสล่าสุด เมื่อลองพิจารณาลึกเข้าไป เราจึงได้พบว่ามีความต้องการคลาวด์ของบริษัทไอบีเอ็มเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นบริษัท Red Hat ที่ไอบีเอ็มไปควบรวมมาในปี 2019 สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 17% ได้เป็นไตรมาสแรก
อาร์วิน คริชนา CEO คนปัจจุบันกำลังมองไปที่โปรเจคพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาคลาวด์ ก่อนหน้าที่จะเข้ามารับตำแหน่ง อาร์วินมีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำระบบคลาวด์แบบผสมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรสามารถเก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์สาธารณะที่ไม่มีความจำเป็นต้องแยกเซิฟเวอร์ออกจากกันได้
ตลอดทั้งปี 2021 ราคาหุ้นของไอบีเอ็มปรับตัวขึ้นมาแล้ว 10% มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $138.90