หลังจากที่ตลาดลงทุนได้ซึมซับผลกระทบจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบวันที่ 16 มิถุนายนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจกลับไม่ใช่การดึงสภาพคล่องออกจากตลาด แต่เป็นแนวทางของเฟดที่จะสกัดกั้นฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
แลร์รี่ ซัมเมอร์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ว่าราคาที่อยู่อาศัยขึ้นสูงจนอยู่ในระดับที่ต้องใช้คำว่า “น่ากลัว” และเฟดควรที่จะเลิกสนับสนุนฟองสบู่นี้ได้แล้วด้วยการดึงวงเงิน $40,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่เอามาซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) ออก อนึ่ง เงิน $40,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นส่วนหนึ่งของเงินเยียวยา $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่เฟดนำไปช่วยเสริมสภาพคล่องของรัฐบาล
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมธนาคารสหรัฐฯ ยังปล่อยให้ MBS สามารถเดินหน้าต่อไปเช่นนี้ได้ การกระทำของเฟดในตอนนี้เกินกว่าที่ระบบกลไกการเงินเศรษฐศาสตร์เล่มไหนในโลกจะยอมรับได้แล้ว” - แลร์รี่ ซัมเมอร์ กล่าว
ประธานเฟดเริ่มมีความเห้นตรงกันว่าต้องดึง MBS ออก
ไม่ใช่เฉพาะแลร์รี่เท่านั้น แต่ตอนนี้ประธานเฟดบางสาขาก็เริ่มแสดงความเป็นกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อออกมาแล้ว นายอีริค โรเซนเก้น ประธานธนาคารกลางแห่งบอสตันกล่าวเตือนเมื่อวันจันทร์ที่แล้วว่า
“เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนรุนแรงในตลาดที่อยู่อาศัย ผมไม่ได้พูดนะว่าเฟดควรที่จะถอนสภาพคล่อง แต่ผมคิดว่าเฟดควรที่จะมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง คนซื้อบ้านจะยินดีซื้อบ้านด้วยเงินสด แต่ไม่ยอมเข้าไปอยู่ แล้วปล่อยให้ราคาที่อยู่อาศัยขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็จะขาย เก็งกำไรไปเป็นวัฐจักรเช่นนี้เรื่อยๆ” - ประธานเฟดแห่งบอสตันกล่าว
โรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางแห่งดัลลัสยังคงเดินหน้าสนับสนุนการลดวงเงินเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง เมื่อมีการเล่นข่าวเกี่ยวกับการดึงเงินในส่วนของ MBS ออก เข้ายิ่งสนับสนุนแนวคิดนั้นเข้าไปใหญ่
เจมส์ บลูราร์ด ประธานธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์ ถือเป็นประธานเฟดคนแรกที่ออกมาแนะนำให้ดึงสภาพคล่องจาก MBS ออกตั้งแต่เดือนที่แล้ว ในตอนนั้นเจมส์ให้ความเห็นว่าไม่มีเหตุผลเลยที่จะปล่อย MBS เอาไว้แบบนี้ทั้งๆ ที่ราคาที่อยู่อาศัยก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากอยู่แล้ว
เลล เบรนาร์ด หนึ่งในบอร์ดบริหารธนาคารกลางสหรัฐฯ (Board of Governor) ค้านความเห็นของเหล่าประธานเฟดที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ เธอบอกว่าการที่เฟดตัดสินใจเช่นนี้เพราะเรามีรายละเอียดปลีกย่อยที่เชื่อได้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังดีพอ และเห็นควรที่จะต้องปล่อย MBS เอาไว้เช่นนั้นต่อไป
หลังจากการประชุมในช่วงกลางเดือนที่แล้ว เราจะเห็นว่ามี voting members ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เริ่มเอียงไปทางต้องการให้เฟดหยุดเสริมสภาพคล่องมากขึ้น นั่นจึงนำมาสู่การโต้เถียงภายในที่เริ่มน่าสนใจมากขึ้น และทำให้รายงานผลการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ดูเป็นสิ่งที่ต้องจับตาสำหรับนักลงทุน สิ่งที่นักลงทุนจะตามหาในรายงานการประชุมครั้งนี้คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้ที่มีสิทธิ์โหวตแต่ละคนในปีนี้มั่นใจในความเห็นของพวกเขาแล้ว
ยูโรโซนและสหราชอาณาจักรประเมินพลังเงินเฟ้อต่ำไปหรือไม่
นอกจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ แล้ว นักลงทุนยังจะให้ความสนใจกับการจัดประชุมพิเศษของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เกี่ยวกับแนวทางการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากสมาชิกฝั่งอนุรักษ์นิยมที่เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลักเห็นควรว่าต้องเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรภายใต้โปรแกรมฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโรคระบาด ในขณะที่อีกฝั่งเห็นว่ามาตรการในตอนนี้นั้นดีอยู่แล้ว
นายโรเบิร์ต โฮสแมน ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรียและเป็นหนึ่งในสมาชิกของบอร์ดบริหาร ECB กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เงินเยียวยาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโรคระบาด (PEPP) มีกำหนดจะสิ้นสุดโครงการภายในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่ง ECB ยังมีสิทธิ์ที่จะเพิ่มวงเงินก่อนหมดเวลาโครงการได้
อย่างไรก็ตามนายคลาส น็อต ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเนเธอร์แลนด์เห็นต่าง เขาเป็นผู้ออกโรงเตือน ECB ให้ระวังถึงภัยที่จะมาจากปัญหาเงินเฟ้อ
“มันไม่คุ้มเลยหากเรา (ECB) จะเอาเงินสำรองที่มีไปใช้เสริมสภาพคล่องโดยที่ไม่จำเป็น เพราะแบบนั้นอาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อชั่วคราวได้ สิ่งที่เราควรทำในตอนนี้คือประเมินความเป็นไปได้ว่าโควิดเดลตาตัวใหม่จะสร้างผลกระทบให้กับยูโรโซนมากน้อยแค่ไหน”
แอนดี้ ฮัลเดน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (BoE) ออกมาให้ความเห็นสวนทางกับสิ่งที่ BoE พูดอีกครั้ง เขาได้เตือนให้ BoE ว่าอย่าซ้ำรอยประวัติศาสตร์เงินเฟ้อเดิมและปล่อยให้เงินเฟ้อลากยาวไปเกินกว่าคำว่า “ชั่วคราว”
“อย่าคิดว่าราคาสินค้าในร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ที่ปรับตัวขึ้นคือเรื่องเล่นๆ เพราะหากปล่อยไปราคาสินค้าอื่นๆ ก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย คำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมจะให้ได้ในตอนนี้คือเหล่าผู้วางนโยบายควรจะรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” - แอนดี้ ฮัลเดน กล่าว