ปัจจัยลบภายนอก แรงกว่า บวกภายใน Top Pick เลือก BJC, CENTELและ CPN ปัจจัยภายนอกซึ่งน้ำหนักส่วนใหญยังอยู่ที่ความกังวลเรื่องทิศทางดอกเบี้ย นโยบายของ Fed ซึ่งยังมีประเด็นที่ทำให้ตลาดยังตีความทางลบและน่าจะ สร้างแรงกดดันต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยใน ประเทศมีน้ำหนักทางบวกเล็กน้อย จากการที่เห็น Vaccine ล๊อตใหม่ๆ ไหล เข้าสู่ระบบเพิ่มมากขึ้น การผ่อนคลายมาตรการควบคุมทำให้เห็นแนวโน้มการ เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงการเริ่มเดินหน้าของมาตรการพยุง เศรษฐกิจ โดยวันนี้จะเริ่มลงทะเบียนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ขณะที่โครงการคนละ ครึ่งเฟส 3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ลงทะเบียนกว่า 29 ล้านราย ปัจจัยลบจากต่างประเทศน่าจะมีน้ำหนักแรงกว่า และกดดันให้ SET Index ย่อตัวลง ประเมินแนวรับที่ 1600 จุด Theme การลงทุนเน้นไปที่หุ้นเปิดเมือง หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้น รวมถึง Bond Yield ที่ปรับขึ้น พอร์ต จำลองยังไม่ปรับ ส่วนหุ้น Top pick เลือก BJC, CENTEL และ CPN
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดหุ้นไทย SET คาดได้รับ Sentiment ลบปัจจัยภายนอก แนวรับ 1600/1580 จุด สัปดาห์ที่แล้วผลการประชุม Fed ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นราว 2 ครั้ง ในปี 2566 และเมื่อวันศุกร์ประธาน Fed สาขา St. Louis นาย James Brian Bullard เผยว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ในปี 2565 เร็วขึ้นอีก 1 ปี (นาย James Bullard มีสิทธิ มติในการโหวตขึ้น หรือ คงดอกเบี้ยในปี 2565) โดยรวมทำให้วันศุกร์ตลาดหุ้นต่างประเทศ สหรัฐ, ยุโรป ปรับฐานลงแรงราว 1.5-1.8% และ ค่าเงิน Dollar ยังมีแนวโน้มแข็งค่าแรง ล่าสุดแข็งค่ามากที่สุด ตั้งแต่ 12 เมย. อยู่ ที่ 92.2 จุด ยังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกชนิด และทำให้ สินทรัพย์เสี่ยง อื่นๆ อาทิ Bitcoin (มีแรงกดดันอีกส่วนมาจาก จีนแบนการขุด Bitcoin เข้มงวดขึ้น,) , สินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำ ปรับลงแรงต่อ
ASPS ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากปัจจัย ต่างประเทศดังกล่าว ประเมินแนวรับ 1600 และ 1580 จุด ตามลำดับ และเชื่อว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นโลกและหุ้นไทยน่าจะยังถูกกดดันจากการออกมาสื่อสาร ของเจ้าหน้าที่ Fed ถึงทิศทาง ดอกเบี้ยฯ โดยคืนนี้ 21 มิ.ย. ประธาน Fed 2 ท่าน คือ สาขา New New York นาย John Williams และ สาขา St. Louis นาย James Bullard ถัดมาวันอังคาร 22 มิ.ย. ประธาน Fed สาขา Cleveland : Loretta Mester และสาขา San Francisco : Mary Daly รวมถึงสาขาต่าง อาทิ Atlanta : Raphael Bostic และ สาขา Boston : นาย Eric Rosengren
โดยรวมเชื่อว่าภาพของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐมีความชัดเจนขึ้นคาดหวัง Fund Flow จากต่างชาติมีแนวโน้มชะลอการไหล โดยคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจะมาจาก นักลงทุนในประเทศ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยไทย คาดจะคงในระดับนี้ต่อไปจนถึงสิ้น ปี 2564 เป็นอย่างน้อย โดย 23 มิย. ติดตามผลการประขุม กนง. คาด ในครั้งนี้ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่ 0.5% ให้น้ำหนักไปที่ 1.ประมาณการ GDP Growth ไทยของ ธปท, ในปี 2564-2565 จะมีการปรับลด ?? หลังจาก Covd รอบที่3 ยืดเยื้อ
วันนี้ ส่งมอบวัคซีน 3.5 ล้านโดส และ เริ่มลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้ ดีต่อหุ้นค้าปลีก ประเด็นในประเทศในวันนี้ ASPS ให้น้ำหนักแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.การฉีดวัคซีน COVID-19 และการจัดหาวัคซีนใหม่เพิ่มเติม ข้อมูลล่าสุดระบุว่าไทยมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนรายใหม่ 1.04 แสนราย/วัน แม้จะชะลอตัว ลงจากช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2564 ที่เคยไปแตะ 3-4 แสนราย/วัน จากการเร่งฉีดวัคซีนเชิง รุก แต่ ASPS ยังเชื่อว่าอัตราการฉีดวัคซีนของไทยจะสามารถกลับมาเร่งตัวได้ หนุนจาก แผนการนำเข้าวัคซีนที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2564 เป็นต้น ไป จะมีการส่งมอบวัคซีนล็อตใหม่จำนวน 3.5 ล้านโดส ประกอบด้วยวัคซีน AstraZeneca 1.5 ล้านโดส และ Sinovac 2 ล้านโดส และไม่เพียงเท่านี้ ภาครัฐยังมี แผนจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 50 ล้านโดสภายในปี 2565 ส่งผลให้ในปี 2565 ไทยจะมีวัคซีน ถึง 150 ล้านโดส (ดังรูป) ซึ่งเพียงพอแก่ประชากรทั้งประเทศ (1 คน ฉีดวัคซีน 2 โดส)
ASPS ประเมินความคาดหวังต่อการกระจายวัคซีนข้างต้น ช่วยหนุนให้กิจกรรม เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมา สอดคล้องกับท่าทีของรัฐที่ผ่อนคลายมาตรการ ควบคุมโรคลง โดยวันนี้เป็นวันแรกที่รัฐอนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนั่งทานในร้านได้ สูงสุด 100% (เดิมไม่เกิน 25%) และนั่งทานได้ไม่เกิน 23.00 (เดิมไม่เกิน 21.00) ซึ่งจะ เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกล่มร้านอาหาร เช่น M, AU, CENTEL, MINT, CPN 2. ความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง หลังจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาครัฐเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ ▪ โครงการคนละครึ่งเฟส 3 พบว่ามีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมี ประชาชนลงทะเบียนไปแล้วจำนวน 27.9 ล้ายราย คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของจำนวนสิทธิทั้งหมดที่รัฐกำหนดไว้ที่ 31 ล้านราย โดยโครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่รัฐร่วมจ่ายค่าสินค้า-บริการ 50% ของยอดใช้จ่าย ▪ ส่วนสัปดาห์นี้ วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยรัฐจะสนับสนุน e-Voucher ผ่าน G-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง อัตรา 10-15% ปัจจุบันพบว่ามีผู้ลงทะเบียนไปแล้วราว 1 แสนราย จากจำนวนสิทธิ ทั้งหมด 4 ล้านสิทธิ์
ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนทั้ง 2 โครงการจะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่ง ASPS ประเมินว่ามาตรการทั้ง 2 จะช่วยประคองการบริโภคเอกชน และรักษาการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วง 3Q64 เอาไว้ได้ และด้านผลบวกต่อตลาดหุ้น ASPS ให้ น้ำหนักในส่วนของมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้เป็นหลัก เพราะมาตรการคนละครึ่งมักไปเน้นที่ ร้านค้ารายย่อย โดยคาดว่ามาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้จะเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่มีสัดส่วน ค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จสูง เช่น กลุ่มซ่อมแซม-ต่อเติมบ้าน (HMRO, DOHOME), กลุ่ม แฟชั่น (CRC), กลุ่มอุปกรณ์ IT (COM7, SPVI) และหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า (CPN, BJC) โดยรวมวันนี้หุ้น Top pick ที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ยังคงเลือก BJC, CENTEL และ CPN
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities