🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ดอลลาร์ยังแข็งค่ารับผลการประชุมเฟด แต่ $1,765 อาจยื้อทองคำไม่ไหว

เผยแพร่ 21/06/2564 11:50
XAU/USD
-
US500
-
DJI
-
US2000
-
DX
-
GC
-
CL
-
TSLA
-
IXIC
-
US10YT=X
-
XLY
-
XLK
-
BTC/USD
-

เชื่อได้เลยว่าสัปดาห์นี้จะยังคงเป็นภาคต่อจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มติเป็นเอกฉันท์ว่าจะยังคงนโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิม แต่สิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุดกลับเป็นการร่นระยะเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาเป็นปี 2023 และความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล

ข่าวดีที่เป็นเหมือนกับสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว กลับกลายเป็นเหมือนข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น นับตั้งแต่ตลาดทราบผลการประชุม ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ก็พากลับปรับตัวลดลงหมดไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์หรือเอสแอนด์พีทั้งๆ ที่กว่าผลการประชุมจะมีผลบังคับใช้กับตลาดจริงๆ ก็ต้องรอไปอีกอย่างน้อย 30 เดือน

ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีเอสแอนด์พี 500ร่วงลงอีก 1.3% ทำสถิติขาลงครั้งที่รุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเป็นครั้งแรกที่เอสแอนด์พี 500 สามารถหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมปี 2020 เช่นเดียวกันกับดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 500 จุด คิดเป็น 1.6% และกลายเป็นสถิติขาลงที่เยอะที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 DJIA Daily

ขาลงครั้งนี้ของดาวโจนส์มีความเหมือนกับเอสแอนด์พีตรงที่ทั้งสองได้ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมปี 2020 เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันก็คือขาลงของดาวโจนส์นั้นรุนแรงกว่า สังเกตุจากการลงจนหลุดจุดต่ำสุดล่าสุดที่ 33,473 จุดลงมาได้ ส่งสัญญาณว่าขาขึ้นครั้งล่าสุดนี้อาจจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ถึงแม้ว่าตลาดลงทุนพึ่งจะมาฮือฮากันเรื่องถอนสภาพคล่องในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สำหรับดัชนีวัดธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางอย่างรัสเซล 2000 ได้อยู่ในขาลงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน และผลการประชุมของเฟดก็ยิ่งสร้างผลกระทบให้กับดัชนีธุรกิจขนาดเล็กให้ปรับตัวลงในวันศุกร์มากกว่า 2% Russell 2000 Daily

อย่างที่ได้บอกไปว่ารัสเซล 2000 นั้นได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมาก่อนดัชนีใหญ่ๆ ดังนั้นรัสเซล 2000 จึงวิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว ในช่วงที่ไซด์เวย์นี้รัสเซล 2000 ได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่สูดกว่า 2,350 จุดในวันที่ 15 มีนาคมและปรับตัวลงมาสร้างจุดต่ำสุดในวันที่ 25 มีนาคม คิดเป็นระยะห่าง 11% 

เราเคยได้เขียนบทวิเคราะห์เอาไว้ในเดือนพฤษภาคมว่าที่จุดสูงสุดล่าสุดนี้อาจจะเป็นแรงสู้ครั้งสุดท้ายของขาขึ้นรอบนี้เนื่องจากอินดิเคเตอร์ RSI ได้สร้างไดเวอเจนต์ (Divergence) สวนทางกับกราฟขาขึ้น ส่งสัญญาณบอกใบ้ถึงแนวโน้มขาลง และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ความตื่นกลัวว่ากำลังจะสูญเสียสภาพคล่องทำให้นักลงทุนทำพฤติกรรมเหมือนกับในช่วงโควิดระบาดคือการหันมาถือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีราวกับว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย นั่นจึงทำให้ดัชนีแนสแด็กปรับตัวลดลงน้อยที่สุดเพียง 0.9% ในวันศุกร์และตลอดทั้งสัปดาห์สามารถเป็นดัชนีเพียงตัวเดียวที่ปิดบวกได้ 0.1% ผลงานในรอบรายเดือนล่าสุดสามารถมอบผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหุ้น 6.1% และในรอบหกเดือนล่าสุดก็ยังสามารถทำผลงานปิดบวกได้ 9.3%

นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่าเมื่อตลาดรู้สึกกลัว พวกเขาจะหันเข้าหาหุ้นเทคโนโลยีทันที เพราะแม้แต่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งอยู่บนเอสแอนด์พี 500 ยังสามารถทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ปรับตัวลดลงเพียง 0.5% NASDAQ Composite Daily

การฟอร์มตัวของกราฟดัชนีแนสแด็กทางเทคนิคยังช่วยยืนยันด้วยว่าฝั่งขาขึ้นมีโอกาสชนะมากกว่า จากการขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 14,175 จุดอยู่บ่อยครั้งทำให้กราฟสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมลู่ขึ้น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงเหลือเพียงปัจจัยแห่งเวลาเท่านั้นก่อนที่กราฟจะสามารถขยับขึ้นเหนือแนวต้านดังกล่าวและมุ่งหน้าสู่ 14,400 จุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์การตัดสินใจของเฟดว่าเป็นความพยายามครั้งแรกในการหยุดยั้งเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้คนลดการใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยลง แต่จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคของเรากับดัชนีแนสแด็กกลับชี้ให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ (ซึ่งถือว่าเป็นสินค่าฟุ่มเฟือยประเภทหนึ่ง) ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเป็นอย่างมากในปีนี้

การประกาศแผนที่จะทำนโยบายการเงินให้มีความตึงตัวมากขึ้น ทำให้ผู้คนกลับมาเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง และเป็นผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสามเดือน เจมส์ บลูราร์ด ประธานธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “ในที่สุดธนาคารกลาวสหรัฐก็ได้ฤกษ์ที่จะถกเถียงเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดวงเงิน QE เสียที”UST 10Y Daily

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นว่ากราฟผลตอบแทนฯ กำลังจะลงมาทดสอบกรอบเทรนด์ไลน์ด้านล่างของขาลง ที่น่าสนใจคือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันกำลังจะตัดเส้น 100 วันลงมา ส่งสัญญาณว่ามีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาลงจริงๆ 

พระเอกของสัปดาห์ที่แล้วจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดอลลาร์สหรัฐ ผลการประชุมของเฟดทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันทีหลังจากทราบว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นDollar Daily

ในรูปจะเห็นว่ากราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้สร้างรูปแบบ round bottom เสร็จเรียบร้อย และได้กลายเป็นการสร้างรูปแบบ double bottom ทันที แต่รูปแบบนี้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกราฟสามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคา 93.50 จุด หากจะให้วิเคราะห์แบบเข้าข้างฝั่งขาขึ้น ดูจากลักษณะขาขึ้นในตอนนี้กับตอนช่วงต้นปี 2021 จะเห็นว่าขาขึ้นรอบนี้มาได้เร็วกว่าเป็นอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าดัชนีดอลลาร์สหรัฐหลุดจุดต่ำสุดของวันที่ 6 มกราคมลงไปได้ ขาลงครั้งนี้ก็จะรุนแรงเช่นเดียวกัน

เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ผู้ที่ต้องอ่อนค่าก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากทองคำGold Daily

การร่วงลงมาวิ่งต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันก็เป็นการยืนยันแล้วว่า $1,900 คือจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ทองคำสามารถทำได้ สิ่งที่นักลงทุนทองคำควรเป็นห่วงในตอนนี้คือเมื่อเปิดตลาดมาแล้ว ราคาทองคำจะมุ่งหน้าลงสู่ $1,678.40 โดยทันทีเลยหรือไม่ 

การแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งถือได้ว่าเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งทำให้สินทรัพยสำรองปลอดภัยต่างได้รับผลกระทบเชิงลบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้ว่าราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ ถึงแม้ว่าช่วงนี้ราคาบิทคอยน์จะไม่ได้วิ่งขึ้นลงอย่างหวือหวา แต่ราคาก็ยังถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มขาลง 

และยิ่งมีโอกาสขึ้นยืนเหนือ $40,000 ได้น้อยลงเมื่อ world bank ปฎิเสธที่จะช่วยเหลือประเทศเอล สวาดอร์ในการทำธุรกรรมผ่านบิทคอยน์ ส่วนเจ้าพ่อสายปั่นคริปโตฯ อย่างอีลอน มักส์ก็ยื่นคำขาดว่าอาจพิจารณาบิทคอยน์ให้กลับมาเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนรถเทสลา (NASDAQ:TSLA) อีกครั้งหากสามารถลดการใช้งานพลังงานไฟฟ้าลงได้มากกว่า 50%BTC/USD Daily

กราฟ BTC/USD ยิ่งเผชิญกับความกดดันอย่างหนักเมื่อเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันกับ 200 วันกำลังจะตัดกันแล้ว แม้ว่ากราฟบิทคอยน์พยายามจะสร้างรูปแบบ round bottom เพื่อพาตัวเองกลับขึ้นไปให้ได้ แต่หากยังไม่สามารถยืนเหนือ $39,000 ก็ยังมีโอกาสที่บิทคอยน์จะปรับตัวลดลงต่อ การขึ้นยืนเหนือ $39,000 - $40,000 จะทำให้ฝั่งขาขึ้นสบายใจได้ แต่การขึ้นยืนเหนือ $43,000 จะเปิดโอกาสให้กลับขึ้นไปทดสอบ $60,000 ได้ทันที

ถึงแม้ว่าจะมีการย่อตัวลดลงมาบ้าง แต่ราคาน้ำมันดิบก็ยังสามารถรักษาสถิติขาขึ้นสี่สัปดาห์ติดต่อกันเอาไว้ได้ ปัจจัยหนุนขาขึ้นของน้ำมันดิบในตอนนี้มีมากมากมายไม่ว่าจะเป็นความต้องการท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนปีนี้ของชาวตะวันตก การอัดอั้นที่จะท่องเที่ยวในปีนี้จะทำให้มีการใช้พลังงานน้ำมันเป็นจำนวนมาก ธนาคารโกลด์แมน แซคส์มีข้อมูลตัวเลขการใช้งานน้ำมันต่อวันทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่ 97 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องระวังเรื่องปัจจัยเสี่ยงที่ราคาน้ำมันอาจได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ด้วยOil Daily

ขาขึ้นเมื่อวันศุกร์คือการขึ้นไปทดสอบแท่งเทียนรูปแบบดาวตก (Shooting Star) และเป็นสัญญาณขาลงที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสวนเทรนด์และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ ถึงแม้ว่าอินดิเคเตอร์ RSI จะย่อลงมาจาก overbought แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าตลาดจะปรับเปลี่ยนกลายเป็นขาลง

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์นี้ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)

วันอาทิตย์

21:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: คาดว่าจะคงที่ 1.1% MoM

21:30 (ประเทศจีน) รายงานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารกลางจีน: คาดว่าจะคงที่ 3.85%

 

วันจันทร์

10:15 (ยูโรโซน) ถ้อยแถลงจากประธานธนาคารกลางแห่งยุโรปนางสาวคริสตีน ลาการ์ด

วันอังคาร

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะลดลงจาก 5.85M เป็น 5.72M

14:00 (สหรัฐฯ) ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์

วันพุธ

03:30 (เยอรมัน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะหดตัวจาก 64.4 จุดเป็น 63.4 จุด

04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ: ตัวเลขของเดือนที่แล้วออกมาอยู่ที่ 65.6 และ 62.9 จุด

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 4.3% เป็น -5.0%

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 863K เป็น 875K

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -3.290M เป็น -7.355M

 

วันพฤหัสบดี

04:00 (เยอรมัน) ดัชนีวัดบรรยากาศทางธุรกิจโดย Ifo: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 99.2 จุดเป็น 100.1 จุด

07:00 (สหราชอาณาจักร) ผลการประชุมเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ: คาดว่าจะคงที่ 0.10%

07:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 1.0% เป็น 0.7%

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 4.3% เป็น 6.4% QoQ

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 412K เป็น 380K

วันศุกร์

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล: คาดว่าจะลดลงจาก 0.5% เป็น 0.3%

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย