เพียงพริบตาเดียวเราก็เดินทางมาถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมและกำลังจะเข้าสู่เดือนที่หกของปี 2021 ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดได้รับแรงหนุนอย่างมหาศาลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว ก่อนจะได้รับแรงกดดันจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อ และล่าสุดการเทขายในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่รุนแรงที่สุดในรอบสามปี เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ยังคงความผันผวนต่อไป
ตอนนี้ความสนใจของนักลงทุนส่วนใหญ่หันไปอยู่ที่ตลาดสกุลเงินดิจิทิลเพราะการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของบิทคอยน์เมื่อวันพุธที่แล้ว สาเหตุที่ทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงมากกว่า 30% ภายในวันเดียวเกิดขึ้นจากการสร้างกระแสในเชิงลบของอีลอน มัสก์ การประกาศแบนสกุลเงินดิจิทัลทุกรูปแบบของประเทศจีน และความเป็นได้ที่อาจมีการเก็บภาษีผู้ที่มีกำไรจากการลงทุนคริปโตฯ ในสหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ว่าตอนนี้พายุขาลงในบิทคอยน์จะสงบลงชั่วคราวโดยที่ราคาสามารถยืนเหนือ $35,000 ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าสัปดาห์นี้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะถูกเทขายต่อหรือจะมีคนมองว่านี่คือโอกาสทองที่จะได้ถือบิทคอยน์ในราคาที่ถูกลง ผู้เชี่ยวชาญจากทั้งตลาดคริปโตฯ และตลาดลงทุนอื่นๆ ต่างออกมาเตือนเป็นเสียงเดียวกันว่านักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นสองเท่าในการลงทุนสัปดาห์นี้ นาย Anastasios Avgeriou นักวางกลยุทธ์การลงทุนจากสถาบันวิจัย BCA ให้ความเห็นว่า
“การที่สภาพคล่องในตลาดมีมากขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนสามารถโยกเงินไปมาระหว่างตลาดคริปโตฯ และตลาดหุ้นอย่างเอสแอนด์พี 500 ได้ง่าย ส่งผลให้ตลาดทั้งสองมีความผันผวนมากขึ้น ในระยะสั้นนักลงทุนต้องจับตาดูการไหลของสภาพคล่องเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนักเอาไว้ให้ดี”
ท่ามกลางความผันผวนเช่นนี้ การรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไป ในบทความนี้เราจะพาไปดูว่ายังมีบริษัทใดบ้างที่น่าสนใจและยังไม่ได้รายงานผลประกอบการ
1. NVIDIA Corporation
หนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งวงการเซมิคอนดักเตอร์ ‘เอ็นวีเดีย’ (NASDAQ:NVDA) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่หนึ่งปี 2021 ในวันพุธที่ 26 พฤษภาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เอ็นวีเดียจะทำกำไรรวมได้ $5,390 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $3.28
ถึงแม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีที่หุ้นเอ็นวีเดียเติบโตได้อย่างมากถึง 88% แต่ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2021 กลับพบว่าขาขึ้นของหุ้นเอ็นวีเดียนั้นเบาบางลง สาเหตุหลักเกิดขึ้นมาจากปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้เอ็นวีเดียต้องเลื่อนวันส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าออกไป ล่าสุดหุ้นเอ็นวีเดียมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $599.67
เอ็นวีเดียได้รับการยอมรับจากเหล่าพีซีเกมเมอร์เป็นอย่างมาก ในปัจจุบันยังไม่มีใครทำการ์ดจอออกมาได้สวยและสมจริงเท่ากับสินค้าของเอ็นวีเดีย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการขยายตลาดของตัวเองออกไปด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่เข้าไปประยุกต์ใช้เข้ากับ AI สร้างกำไรมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัท แต่สิ่งที่ตลาดจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ของเอ็นวีเดียคือบริษัทจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากที่สุดเท่าไหร่ ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์
2. Salesforce.com
แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์อันดับต้นๆ ของโลก ‘เซลล์ฟอร์ซ’ (NYSE:CRM) จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เซลล์ฟอร์ซจะทำกำไรรวมได้ $5,890 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $0.88
ในการรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เซลล์ฟอร์ซสร้างความผิดหวังให้กับตลาดลงทุนเมื่อตัวเลขผลกำไรไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ แต่ในการรายงานผลประกอบการครั้งนั้น เซลล์ฟอร์ซก็ได้ให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนว่าผลประกอบการในไตรมาสนี้จะต้องออกมาถูกใจหลายๆ ฝ่ายแน่นอน บริษัทให้เหตุผลว่าผู้คนจะหันมาใช้ซอฟแวร์ของเซลล์ฟอร์ซมากขึ้นหลังยุคโควิด
นอกจากนี้เซลล์ฟอร์ซกำลังอยู่ในขั้นตอนการควบรวมกิจการของแอปพลิเคชัน ‘สแลค’ (Slack) (NYSE:WORK) หลังจากที่ได้ซื้อกิจการมาในมูลค่า $27,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่แล้วหุ้นเซลล์ฟอร์ซได้ปรับตัวลดลง ประมาณ 9% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $222.58
3. Best Buy
ร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ‘เบสท์บาย’ (NYSE:BBY) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่หนึ่งปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เบสท์บายจะทำกำไรรวมได้ $10,320 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $1.36
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้นเบสท์บายปรับตัวขึ้นมาแล้ว 15% ได้รับอานิสงส์จากการต่อเติมบ้านเพื่อตอบรับกับการปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานไปสู่การ work-from-home สิ่งที่นักลงทุนหวังจะได้เห็นจากรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือบริษัทจะใช้กลยุทธ์อะไรมาสนับสนุนให้การเติบโตเช่นนี้ยังเดินหน้าต่อไปได้ ในสภาพแวดล้อมที่การแพร่ระบาดลดลง ทุกอย่างกำลังเริ่มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ CFO ของบริษัทได้ออกมาแสดงความเห็นกับสถานการณ์บริษัทในอนาคตว่า “คงพูดได้ยากว่าเราจะรักษาอัตราการเติบโตนี้เอาไว้ได้ด้วยวิธีใด ท่ามกลางความผันผวนที่ยังไม่สามารถพูดได้ว่าสิ้นสุดลงแล้ว” ล่าสุดราคาหุ้นของเบสท์บายมีราคาอยู่ที่ $114.93