📈 คุณจะเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในปี 2025 ไหม? เริ่มต้นก้าวแรกพร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับสมาชิก InvestingProรับส่วนลด

กราฟเด่นประจำวัน:ขาขึ้นหุ้นเทคฯ หมดพลัง สะท้อนความกลัวที่มีต่อเงินเฟ้อ

เผยแพร่ 06/05/2564 15:04
US500
-
XLK
-

ตลาดลงทุนสหรัฐฯ เริ่มมีการเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น สังเกตได้จากราคากองทุน ETF ที่มีชื่อว่า Technology Select Sector SPDR® Fund (NYSE:XLK) ซึ่งเป็นมาตรวัดมาตรฐานสำหรับหุ้นกลุ่มเทคฯ ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ปรับตัวลงมาเมื่อวันอังคาร 1.8% เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่ลดลงของนักลงทุนแม้ว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่พึ่งจะประกาศตัวเลขผลกำไรที่ได้มาเป็นกอบเป็นกำในช่วงไตรมาสที่หนึ่ง

สาเหตุที่ทำให้หุ้นเทคฯ ปรับตัวลดลงในช่วงนี้เกิดมาจากความกังวลของตลาดเกี่ยวกับอัตราเร่งของภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะออกมาย้ำแล้วย้ำอีกว่าปัญหาเงินเฟ้อจะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวและจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 0.00% - 0.25% แต่นับวันตลาดลงทุนก็ยิ่งไม่ให้น้ำหนักกับท่าทีนี้มากยิ่งขึ้น 

ผู้วางนโยบายการเงินบางคนก็เริ่มมีท่าทีเห็นด้วยกับนักวิเคราะห์มากขึ้น นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดแห่งรัฐดัลลัสกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรเริ่มที่จะแตะเบรกการทำ QE ได้แล้วเพื่อรักษาสมดุลในตลาดการเงิน นายโรเบิร์ตได้เตือนนักลงทุนที่ยังสนุกอยู่กับขาขึ้นทางอ้อมด้วยการคาดว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยก่อนที่ปี 2023 แน่นอน (กำหนดการณ์เดิมอยู่ในปี 2023)

นอกจากการอัด QE อย่างต่อเนื่องของเฟดแล้ว สิ่งที่นักลงทุนเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดถึงลางเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อคือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไล่มาตั้งแต่ราคาอาหารขึ้นไปจนถึงตลาดที่อยู่อาศัย การกลับคำพูดไปมาของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นางเจเน็ต เยลเลน ก็มีส่วนที่ทำให้หุ้นกลุ่มเทคฯ ปรับตัวลดลง ก่อนหน้านี้เธอได้ออกมาพูดว่า “เฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อหยุดความร้อนแรงของเศรษฐกิจได้แล้ว” ก่อนที่จะกลับคำเปลี่ยนคำพูดว่า “ยังไม่คิดว่าจะได้เห็นปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต” สำหรับตลาดแล้ว การกลับคำพูดไปมา ถือเป็นสัญญาณความไม่แน่นอนอย่างหนึ่ง

ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคฯ ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวคานตลาดหุ้นมาโดยตลอด ในยามวิกฤตโควิด เราก็ได้แล้วว่าหุ้นเทคฯ เติบโตมากเพียงใด ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นยังไม่มีโอกาสฟื้นตัว แต่ครั้งนี้ นักลงทุนไม่มีที่ไปแล้ว แม้อยากจะเทขายหุ้นกลุ่มเน้นมูลค่ามาถือหุ้นกลุ่มเทคฯ ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคฯ ก็ยังมีราคาอยู่ในระดับสูงเช่นกัน XLK Daily

แรงเทขายในตลาดแนสแด็กส่งผลให้กองทุน XLK ปรับตัวลงมา สร้างรูปแบบ double-top สำเร็จเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ double-top ครั้งนี้ราคาก็ได้เดินทางลงมาถึงแล้ว ประกอบกับการเจอเส้นเทรนด์ไลน์ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดในปี 2020 ซึ่งถือเป็นแนวรับใหญ่ จึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นแท่งเทียนสร้างรูปแบบโดจิหัวค้อนขึ้น

อันที่จริงก่อนหน้า double-top กราฟ XLK เคยสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head& Shoulder) ด้านหงายซึ่งเป็นแรงสนับสนุนขาขึ้นมาก่อน แต่จากปัจจัยพื้นฐานที่ได้กล่าวไป ทำให้ขาขึ้นครั้งนี้ไปไม่ได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็น 

จุดที่น่าสังเกตก็คือขาขึ้นครั้งนี้พึ่งจะเป็นการทะลุจุดสูงสุดล่าสุดขึ้นมาได้ด้วย การที่ราคาทะลุขึ้นมาแล้วแต่ไม่มีแรงส่งไปต่อ ประกอบกับการปรับตัวลดลงมาจนถึงแนวรับสำคัญได้ นี่อาจจะเป็นสัญญาณบอกว่าขาลงครั้งใหญ่ของหุ้นกลุ่มเทคฯ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น แม่แต่อินดิเคเตอร์ก็ยังคิดเช่นเดียวกัน เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นใน MACD ได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวลงมาแล้ว ในขณะที่อินดิเคเตอร์ ROC ก็หลุดแนวรับ (เส้นประสีแดง) ลงมาเช่นกัน

กลยุทธ์การเทรด

เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาวิ่งลงไปต่ำกว่า 125.00 (จุดต่ำสุดของวันที่ 4 มีนาคม) ยิ่งถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้แล้ว ยิ่งเป็นสัญญาณยืนยันที่ดีก่อนวางคำสั่งขาย

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายเมื่อราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ที่เป็นแนวรับด่านหน้าของเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ระดับราคา 133.00

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูงสุด จะวางคำสั่งซื้อขายทั้งขึ้นและลง พวกเขาจะวางคำสั่งซื้อเพื่อเก็บกำไรระยะสั้นจากแท่งเทียนโดจิ ก่อนที่จะตามขาลงในระยะยาว การลงทุนด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยง ผู้ที่จะเทรดด้วยวิธีนี้ต้องมีประสบการณ์การลงทุนพอสมควร

ตัวอย่างการเทรด 1 (ขาขึ้นสำหรับเก็บระยะสั้น)

- จุดเข้า: $136

- Stop-Loss: $135

- ความเสี่ยง: $1

- เป้าหมายในการทำกำไร:$139

- ผลตอบแทน: $3

- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3

ตัวอย่างการเทรด 2 (ขาลง)

- จุดเข้า: $139

- Stop-Loss: $140

- ความเสี่ยง: $1

- เป้าหมายในการทำกำไร:$136

- ผลตอบแทน: $3

- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย