เปิดฉากขึ้นแล้วสำหรับการรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ของบริษัทเอกชนในสหรัฐอเมริกา นี่ถือเป็นไตรมาสที่นักลงทุนจับตามากที่สุดครั้งหนึ่งเพราะรายงานผลประกอบการนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าหลังจากที่มีการกระจายวัคซีนต้านโควิดไปในระดับหนึ่งแล้วสามารถช่วยให้บริษัทเอกชนมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากปีที่แล้วได้มากน้อยเพียงใด
เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มาจนถึงยุคโจ ไบเดนอัดเข้ามานั้นทำให้ดัชนีหลักของประเทศพากันสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่แทบทุกสัปดาห์ และหนึ่งในดัชนีที่เติบโตมากที่สุดในยุคโควิดก็คือดัชนีแนสแด็กซึ่งถือเป็นศูนย์รวมของหุ้นเทคโนโลยีทั้งหลายและเป็นที่จับตามองของโลกมาตลอด
เพื่อเตรียมความพร้อมกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า บทความนี้เราจะพาไปดูว่าสถานการณ์ล่าสุดของบริษัทเทคฯ ในกลุ่ม ‘FAAMG’ ก่อนการรายงานผลประกอบการ
1. Microsoft
วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 27 เมษายน
คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +27.1% YoY
คาดการณ์การเติบโตของกำไร: +17% YoY
การวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +16.1%
มูลค่าตลาดในปัจจุบัน: $1.93 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นของบริษัทเจ้าพ่อเทคโนโลยีไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ถือเป็นหุ้นที่เติบโตได้มากที่สุดถึง 16% นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2021 เป็นต้นมา ปรับตัวขึ้นได้มากกว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500ที่ปรับตัวขึ้นมา 10% ภายในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
การที่หุ้นไมโครซอฟต์สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ $261.47 ได้เมื่อวันจันทร์ต้องยกเครดิตให้กับความต้องการคลาวด์ที่เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดหุ้นไมโครซอฟต์มีราคาอยู่ที่ $260.62 และบริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $1.93 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดเป็นอันดับที่สองของตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท
การรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2021 จะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 27 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดซึ่งในไตรมาสก่อนหน้านี้ไมโครซอฟต์สามารถรายงานตัวเลขรายได้สุทธิเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้
ดังนั้นการรายงานผลประกอบการในวันอังคารที่จะถึงนี้ นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าไมโครตซอฟต์อาจจะสามารถรายงานตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ได้เพิ่มขึ้น 27% จาก $1.40 ขึ้นมาเป็น $1.78 เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ในส่วนของผลกำไรนั้นคาดว่าจะออกมาที่ $41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% จากตัวเลขกำไรเดิมที่ $35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการในครั้งนี้คือการเติบโตของผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟต์ทั้งหลายที่มีพื้นฐานอยู่บนคลาวด์ ยกตัวอย่างเช่น Azure, GitHub, SQL Server, Windows Server และ Office 365 กำไรที่ได้จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้น 34% แบบ YoY คิดเป็นมูลค่า $16,700 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสล่าสุด เฉพาะกำไรที่ได้จาก Azure นั้นก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว 50% ภายในช่วงเวลาเดียวกัน
2. Google
วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 27 เมษายน
คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +58.1% YoY
คาดการณ์การเติบโตของกำไร: +24.3% YoY
การวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +30.1%
มูลค่าตลาดในปัจจุบัน: $1.54 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ผู้ให้กำเนิดห้องสมุดของโลกชื่อดัง ‘กูเกิล’ ถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานขาขึ้นได้ที่ดีสุดเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม 5 เทพหุ้นเทคฯ (FAAMG) ในปี 2021 การเติบโตของกำไรจากการเก็บค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มของกูเกิลทำให้บริษัทกลับมามีรายได้อีกครั้งหลังจากหดตัวไปในช่วงเวลาหนึ่งเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นับตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นกูเกิลปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 30% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $2278.63 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $2,304.09 เมื่อวันที่ 19 เมษายนและมีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $1.54 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเป็นอันดับสี่บนตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
บริษัทอัลฟาเบตจะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในวันอังคารที่ 27 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด ซึ่งการรายงานผลประกอบการในไตรมาสก่อนหน้านี้ก็สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้อย่างสบายๆ
สำหรับไตรมาสนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่ากูเกิลจะสามารถรายงานตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 58% จาก $9.87 ขึ้นมาเป็น $15.60 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาประมาณ 24% จาก $41,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาเป็น $51,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญในรายงานผลประกอบการของกูเกิลครั้งนี้คืออัตราการเติบโตของผลกำไรที่มาจากการฝากโฆษณาบนหน้าการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตผ่านเสิร์ชเอ็นจิ้นกูเกิลและยูทูป ในไตรมาสที่แล้วตัวเลขจากกูเกิลเสิร์ชซึ่งเทียบกับแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 22% ขึ้นมาเป็น $46,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำไรจากการโฆษณาบนยูทูปก็เติบโตขึ้น 46% คิดเป็นกำไร $6,880 ล้านเหรียญสหรัฐ
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่น่าจับตามองสำหรับการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ของกูเกิลคือธุรกิจคลาวด์แพลตฟอร์มซึ่งในไตรมาสที่สี่พบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 47% คิดเป็น $3,830 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ผ่านมากูเกิลได้ลงทุนกับธุรกิจคลาวด์อย่างหนักแต่ก็ยังไม่ได้กำไรดีเท่าที่ต้องการเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างไมโครซอฟต์หรืออะเมซอน หากเทียบเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดแล้วกูเกิลสามารถครอบครองได้เพียง 10% เทียบกับไมโครซอฟต์ 20% และอะเมซอน 33%
อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญคือความคืบหน้าของคดีเกี่ยวกับการผูกขาดตลาดที่โดนฟ้องโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
3. Facebook
วันรายงานผลประกอบการ: วันพุธที่ 28 เมษายน
คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +36.8% YoY
คาดการณ์การเติบโตของกำไร: +33.1% YoY
การวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +10.8%
มูลค่าตลาดในปัจจุบัน: $864,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ถึงจะมีปัญหามากมายเข้ามารุมเร้าอย่างเช่นการถูกฟ้องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และการมีปัญหาใน iOS 14 ของแอปเปิลที่จะทำให้กำไรในการฝากโฆษณาลดลง แต่เฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 11% นับตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน เฟสบุ๊กยังคงได้กำไรจากการโฆษณาบนแอปพลิเคชันชื่อดังของตนเองอย่างอินสตราแกรม เมสเซนเจอร์ และวอทส์แอป ซึ่งมีตัวเลขผู้ใช้งานคิดเป็นตัวเลมกลมๆ รวมแล้ว 3,300 ล้านคนต่อเดือน
ล่าสุดหุ้นเฟซบุ๊กมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $301.41 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไว้เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ $315.88 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ $864,600 ล้านเหรียญสหรัฐ น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม FAAMG ด้วยกันเอง อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กก็ยังสามารถรายงานผลประกอบการที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ในไตรมาสที่สี่
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของเฟซบุ๊กจะเพิ่มขึ้น 37% จาก $1.71 ขึ้นมาเป็น $2.34 ส่วนกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 33% แบบ YoY คิดเป็น $23,600 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 31% แบบ YoY ในไตรมาสที่สี่แม้จะมีการร่วมมือกันแบนโฆษณาบนเฟสบุ๊กจากผู้ประกอบการมากกว่า 1,000 บริษัทจะเป็นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด
นอกจากกำไรจากการโฆษณาแล้ว นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานบัญชีบนเครือข่ายของเฟซบุ๊กและรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (ARPU) ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นมาตรวัดหลักของธุรกิจโซเชียลมีเดีย จากการวิเคราะห์ ARPU ของเฟซบุ๊กพบว่าเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นตัวเลข $10.14 ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลข APRU เฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐฯ และแคนาดาในไตรมาสที่สี่เพิ่มขึ้น 32% จาก $41 ขึ้นมาเป็น $54
ในไตรมาสที่สี่เฟซบุ๊กรายงานว่าตัวเลขจำนวนคนใช้งานแอปฯ ต่อวัน (DAU) เพิ่มขึ้น 11% จากจำนวน 1,840 ล้านคนในขณะที่ตัวเลขจำนวนคนใช้งานแอปฯ ต่อเดือน (MAU) เพิ่มขึ้น 12% คิดเป็น 2,800 ล้านคน
4. Apple
วันรายงานผลประกอบการ: วันพุธที่ 28 เมษายน
คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +53.8% YoY
คาดการณ์การเติบโตของกำไร: +31.6% YoY
การวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +0.3%
มูลค่าตลาดในปัจจุบัน: $2.24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
คงไม่ต้องแนะนำตัวกันให้มากความสำหรับบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักบริษัทนี้ดีอยู่แล้ว แม้ว่าหุ้นของแอปเปิลในปีนี้จะไม่ได้วิ่งหวือหวาเหมือนกับเพื่อนๆ บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น เรียกว่าตามหลังดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กอยู่ประมาณ 9% และ 7% ตามลำดับ แต่ด้วยมูลค่าตลาดที่สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกยังคงทำให้แอปเปิลเป็นหนึ่งในกลุ่ม FAAMG มาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันหุ้นแอปเปิลมีมูลค่าอยู่ที่ $133.50 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลาดกาล $145.09 ประมาณ 8% มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $2.24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่หุ้นแอปเปิลไม่มีการปรับตัวขึ้น นักวิเคราะห์มองว่าแม้ iPhone 12 จะสามารถใช้งาน 5G ได้และถึงแม้พึ่งเปิดตัว iPad Pro ปี 2021 หรือ AirTag ใหม่ แต่หน้าตาและรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์แอปเปิลก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลานานแล้ว สิ่งที่แอปเปิลทำมีเพียงเพิ่มความสามารถของอุปกรณ์ให้เร็วและแรงขึ้นเท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่าในรายงานผลประกอบการที่ 28 เมษายนนี้ แอปเปิลจะไม่สามารถแสดงตัวเลขผลกำไรที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้อย่างที่เคยทำมา พวกเขามองว่าตัวเลขผลกำไรจะเพิ่มขึ้น 31% เป็น $76,700 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว แต่กำไรนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสที่แล้วที่ $111,400 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นก็ถูกคาดการณ์ว่าจะลดลงจาก $1.68 ในไตรมาสที่แล้วเป็น $0.98
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ ของแอปเปิลอย่าง AirPods และ Apple Watch ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการที่มีการเก็บค่าสมาชิกรายเดือนอย่าง iTunes Music, Apple TV+, Apple Arcade, Apple Fitness+ และ News+
หากเป็นไปได้ นักวิเคราะห์ก็หวังจะได้เห็นแอปเปิลแสดงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในยุคที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังเตรียมแผนที่จะเก็บภาษีจากบริษัทเอกชนมากขึ้น ที่สำคัญโจ ไบเดนได้เล็งมาที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นพิเศษ
5. Amazon
วันรายงานผลประกอบการ: วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน
คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +89.4% YoY
คาดการณ์การเติบโตของกำไร: +38.4% YoY
การวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +2.4%
มูลค่าตลาดในปัจจุบัน: $1.66 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
เจ้าของอักษรย่อ A ตัวสุดท้ายในกลุ่ม FAAMG คือยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) นับตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นอะเมซอนทำผลงานขาขึ้นได้ไม่ดีเท่าไหร่เช่นเดียวกันกับหุ้นแอปเปิล หุ้นอะเมซอนปรับตัวขึ้นมาได้เพียง 2% ตามหลังเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก อาจจะเรียกได้ว่านี่คือการพักฐานครั้งใหญ่หลังจากที่หุ้นอะเมซอนทำผลงานขาขึ้นได้โดดเด่นที่สุดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว
ปัจจุบันหุ้นอะเมซอนมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $3,360.86 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $3,352.25 ประมาณ 6% บริษัทอะเมซอนมีมูลค่าตลาดรวมแล้วอยู่ที่แล้ว $1.66 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รั้งอันดับที่สามของบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
ในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอะเมซอนจะสามารถรายงานตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $9.49 เติบโตขึ้นเกือบ 90% เมื่อเทียบกับตัวเลข $5.01 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 ส่วนตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 38% คิดเป็นมูลค่า $104,400 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นการเติบโตของเทคโนโลยี e-commerce และธุรกิจคลาวด์
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการของอะเมซอนคือตัวเลขการเติบโตของกำไรจาก ‘Amazon Web Services’ (AWS) ซึ่งในไตรมาสที่สี่เติบโตขึ้น 28% คิดเป็นเงิน $12,700 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ก็มีตัวเลขกำไรจากการฝากโฆษณาที่เติบโตขึ้น 64% ในไตรมาสเดียวกัน