หากพูดถึงพอร์ตเกษียณอายุแล้ว สิ่งแรกที่คนสร้างพอร์ตนี้จะทำคือการตามหาหุ้นที่มีความสามารถในการปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งเราอยู่ในยุคที่ไม่มีความแน่นอนสูงที่มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามากระทบเช่นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เร่งให้การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีเกิดได้เร็วขึ้น
การระบาดของโควิด-19 ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกทำในสิ่งที่เหมือนๆ กันนั่นก็คือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาเองแม้จะเป็นประเทศที่ร่ำรวย มีการอัดเงินเข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนทำให้กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นไปวิ่งอยู่ที่บริเวณ 1.6% นักวิเคราะห์กลับมองว่าสหรัฐอเมริกากำลังจะประสบปัญหาทางการเงินอย่างเช่นเงินเฟ้อต่อจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น นักเศรษฐศาสตร์จึงประเมินว่าเราอาจจะยังต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความผันผวนเช่นนี้ไปอีกสักระยะ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนซึ่งมีอายุพอสมควรแล้วจะใฝ่หาหุ้นที่สามารถให้ผลตอบแทนมั่นคง ในบทความนี้เราจะพาไปดูหุ้นสองตัวที่เข้าตาการประเมินในหัวข้อนี้
1. IBM
จากการเติบโตทางเทคโนโลยีในทุกวันนี้ทำให้หลายๆ คนมองข้ามบริษัทคอมพิวเตอร์รุ่นปู่อายุ 109 ปีอย่าง ไอบีเอ็ม (NYSE:IBM) ไปแล้วเรียบร้อย ไม่ใช่เพราะไอบีเอ็มเป็นบริษัทโบราณเท่านั้น แต่เพราะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาหุ้นไอบีเอ็มก็ไม่สามารถทำผลงานได้เข้าตากรรมการเท่าไหร่เมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างเช่นไมโครซอฟต์ (NASDAQ:AMZN) หรืออะเมซอน (NASDAQ:MSFT)
อย่างไรก็ตาม เราได้พบสัญญาณที่อาจจะเป็นความหวังว่าคุณปู่ไอบีเอ็มอาจจะสามารถคัมแบ็คได้หลังจากสามารถรายงานผลประกอบการเป็นบวกได้อย่างมหาศาล ทำตัวเลขกำไรสูงที่สุดในรอบสิบเอ็ดไตรมาสล่าสุดและสามารถปันเงินคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ 5% สาเหตุของกำไรในไตรมาสนี้เกิดจากการเติบโตของความต้องการในธุรกิจผู้ให้บริการคลาวด์
อาร์วิน คริชนา CEO คนปัจจุบันของไอบีเอ็มกำลังวาดเส้นทางให้ไอบีเอ็มเดินหน้าสู่การเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ในระดับแนวหน้าของประเทศรวมถึงการสร้างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถเข้ามาช่วยให้การใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความง่ายมากยิ่งขึ้น คริชนาค่อนข้างเชื่อมั่นในวิถีลูกผสมระหว่างคลาวด์กับเอไอเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าคลาวด์ไฮบริดจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2021 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา CEO ของไอบีเอ็มกล่าวว่าเขามั่นใจว่าในไตรมาสถัดไปรวมถึงทั้งปี ไอบีเอ็มจะสามารถรายงานผลกำไรเป็นบวกได้ทุกไตรมาส เขาจะปิดปี 2021 ได้อย่างสวยงามและเติบโตขึ้นจากช่วงต้นปีให้ทุกคนได้เห็น
ปัจจุบันหุ้นไอบีเอ็มมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $138.16 สามารถปันผลรายไตรมาสได้ $1.63 ต่อหุ้น ในความเห็นของเราไอบีเอ็มถือเป็นหุ้นสายป้องกันพอร์ตที่ดีมาตั้งแต่อดีต และยิ่งตอนนี้ไอบีเอ็มมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นว่าจะเป็นอะไรในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยียิ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่าไอบีเอ็มจะเป็นหุ้นที่เติบโตได้ดีในอนาคต
2. General Mills
แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านอาหารเช้าประเภทซีเรียลอย่างเจนเนอรัล มิลล์ (NYSE:GIS) ถือเป็นหุ้นสายป้องกันอีกตัวที่ควรมีติดเอาไว้ในพอร์ตลงทุนยามเกษียณ เหตุผลรองรับที่สามารถอธิบายได้ง่ายก็คือไม่ว่ายามเศรษฐกิจดีหรือร้าย ผู้คนก็ยังต้องอุปโภคบริโภค เหตุผลนี้ทำให้บริษัทเจนเนอรัล มิลล์ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินทุกประการ
หากย้อนกลับไปดูหุ้นเจนเนอรัล มิลล์ในช่วงวิกฤตโควิดจะเห็นว่าหุ้น GIS มีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ล่าสุดหุ้น GIS มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $62.30 ปรับตัวขึ้นมา 21% ภายในระยะเวลาสองปี มีเปอร์เซ็นต์การปันผลอยู่ที่ 3.3% และยังคงจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องมาตลอด 120 ปีแล้ว
ในปี 2018 เจนเนอรัล มิลล์ได้พยายามกระจายความร่ำรวยของตัวเองออกไปด้วยการซื้อกิจการอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ‘Blue Buffalo’ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในรอบ 18 ปี การซื้อกิจการนี้ช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงที่มีกระแสรักสุขภาพมาแรงและผู้คนพยายามหันไปบริโภคอาหารที่เชื่อว่ามีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า
หากจะถือหุ้นตัวนี้ อย่าคาดว่า GIS จะสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ในยามที่โลกเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน GIS คือโล่ห์กันภัยอย่างดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว
โดยสรุปแล้ว
การมีหุ้นที่สามารถปันผลได้อย่างต่อเนื่องอยู่ในพอร์ตเกษียณสามารถช่วยให้ผู้ถือครองทำกำไรจากตลาดหุ้นได้อย่างมั่นคง คุณสามารถค่อยๆ สร้างพอร์ตการลงทุนนี้เมื่อหุ้นปรับตัวลงมาและกำลังให้ผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าปกติ หากทำเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวนมากเพียงใด คุณก็สามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคงไร้กังวล