เชื่อว่านักลงทุนคงจะได้ยินข่าวที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียและขับไล่นักการทูตรัสเซียจำนวน 10 คนออกจากประเทศ โดยกล่าวหารัสเซียว่า แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ, โจมตีทางไซเบอร์ขนานใหญ่ และความเคลื่อนไหวที่เป็นปรปักษ์อื่นๆ ในแง่ของการเงิน สหรัฐฯ ยังไม่อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันเข้าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือเข้าร่วมการประมูลพันธบัตรรูเบิลอีกด้วย
แม้ว่าการแสดงหน้าฉากระหว่างทั้งสองประเทศจะเรียกความสนใจจากชาวโลกได้พอสมควร แต่อันที่จริงแล้วการคว่ำบาตรครั้งนี้ไม่ได้รุนแรงนัก โจ ไบเดนยังอนุญาตให้ธนาคารหรือนักลงทุนสถาบันสามารถซื้อขายพันธบัตรภายในประเทศรัสเซียที่อยู่ในตลาดรองได้ แต่ใช่ว่ารัสเซียจะไม่ได้เรับผลกระทบอะไรเลย การคว่ำบาตรครั้งนี้ทำให้เกิดบรรยากาศความไม่แน่นอนในอนาคตของพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียซึ่งสามารถสังเกตได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียอายุ 10 ปี
นักลงทุนบางคนเกิดความกลัวที่จะลงทุนในรัสเซียมากขึ้น บางคนถึงขั้นคาดการณ์ว่าอีกไม่นานสหรัฐฯ ก็คงไม่อนญาตให้ลงทุนในตลาดรองซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกองทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการประกาศคว่ำบาตรเช่นนั้นอย่างเป็นทางการออกมา แต่ความจริงที่สหรัฐฯ เริ่มเพ่งเล็งการกระทำของรัสเซียมากขึ้นก็ทำให้ผู้จัดการกองทุนของสหรัฐฯ ที่ทำธุรกรรมการลงทุนกับรัสเซียไม่อาจนิ่งนอนใจได้
เมื่อรัสเซียเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ติดกับพรมแดนทางตะวันออกของยูเครนและในไครเมีย สหรัฐฯ จึงเตรียมส่งเรือรบ 2 ลำไปยังทะเลดำภายในสัปดาห์นี้ หลังจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง โดยปกติกองทัพเรือสหรัฐฯ ปฏิบัติการในทะเลดำอยู่แล้ว แต่การส่งกองเรือรบไปทะเลดำในช่วงนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังรัสเซียว่าสหรัฐฯ กำลังจับตาดูสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กล่าวหาผู้นำของรัสเซียนายวลาดิเมียร์ ปูตินว่าเป็น “นักฆ่า” ด้วย
การสั่งห้ามนักลงทุนสถาบันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซื้อพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียถือเป็นการแสดงออกของอเมริกาอีกครั้งว่าพวกเขายังมีบทบาทมากขนาดไหนในโลกของการลงทุน การกระทำครั้งนี้สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์ในตลาดการเงินโลก แต่ต้องการแสดงให้เห็นถึงพลังของการเป็นผู้ที่สามารถออกตราสารหนี้หรือพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมามากแค่ไหนก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร สหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นประเทศที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูงอยู่ดี
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าในอีกมุมหนึ่งนี่อาจจะเป็นความต้องการส่งสัญญาณไปยังประเทศคู่แข่งคนสำคัญอย่างจีนก็ได้ ที่ผ่านมาก็ทราบกันดีว่าหนึ่งในความพยายามคานอำนาจกับสหรัฐอเมริกาของจีนคือการทำให้ประเทศอื่นๆ มีสกุลเงินเหรินหมินปี้เป็นสกุลเงินสำรองและหวังว่าจะสามารถมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกได้ในอนาคต
อันที่จริง ไม่ว่าจะสหรัฐอเมริกาหรือรัสเซียต่างก็มีแผนการแสดงอำนาจของตนเองในแบบที่ต่างกัน รัสเซียนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา พวกเขาใช้วิธีการควบคุมการส่งออกทรัพยากรอย่างเช่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่จะส่งไปยุโรปเพื่อเป็นตัวควบคุมของความแข็งแกร่งของยูโรโซน เมื่อทำเช่นนี้แล้วสกุลเงินอย่างยูโรก็ไม่อาจแข็งแกร่งได้อย่างมั่นคงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นสกุลเงินสำรองอันดับที่สองของโลกก็ตาม
เมื่อถามว่าผลกระทบจากการคว่ำบาตรนี้ส่งผลกระทบอะไรกับสหรัฐอเมริกาหรือไม่? คำตอบคือแทบจะไม่เกิดผลกระทบอะไรกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เลย ประเทศจีนแทบจะไม่ขายสินทรัพย์หรือหยุดซื้อพันธบัตรของอเมริกาเพราะจีนรู้ดีว่าการปล่อยสินทรัพย์หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นจะเป็นการทำร้ายตัวเองมากกว่าทำร้ายอเมริกา ดั่งคำพูดของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษในตำนานนายจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
“หากคุณเป็นหนี้ธนาคารหนึ่งพัน คุณต้องหาวิธีใช้หนี้ธนาคาร แต่ถ้าคุณเป็นหนี้ธนาคารหนึ่งพันล้าน ธนาคารจะต้องหาวิธีใช้หนี้ให้กับคุณ”
ในขณะที่กำลังเขียนบทความ กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ10 ปีเมื่อวันจันทร์ได้ปรับตัวกลับขึ้นไปยัง 1.6% หลังจากปรับตัวลดลงมาที่ 1.53% ในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปีมูลค่า $24,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เพราะการประมูลดังกล่าวสามารถใช้วัดความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อในตอนนี้ได้